- Advertisement -

ปัญหาความขัดแย่งระหว่าง รัสเซีย และ ยูเครน ยังคงสร้างความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าสงครามจะยังไม่ยุติในเร็ว ๆ นี้ ทำให้ผู้คนจะต้องทนทุกข์ต่อไป

ในเวลาเดียวกัน ผลกระทบจากความขัดแย้งทำให้ทั่วโลกได้สัมผัสผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศเตือนว่า สงครามจะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลง และทำให้ต้นทุนการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น

ไอเอ็มเอฟเตือนว่า สงครามอาจเปลี่ยนแปลงโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ และภูมิรัฐศาสตร์การเมืองทั่วโลก โดยพลังงานมีราคาสูงขึ้น ห่วงโซ่อุปทานมีปัญหา เครือข่ายการชำระเงินแตกแยก และประเทศต่าง ๆ คิดทบทวนการถือครองสกุลเงินสำรอง และความตึงเครียดทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น ยังเพิ่มความเสี่ยงต่อการกระจายตัวทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการค้าและเทคโนโลยี

แม้ว่าราคาทองคำเริ่มจะปรับตัวลดลง แต่ก็ยังมีเหตุผลมากมายที่นักลงทุนจะต้องมีทองคำในพอร์ตการลงทุนของตน

ซึ่ง Kristina Hooper หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุนของ Invesco กล่าวกับ Kitco News ว่า คุณไม่รู้ว่าปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์ครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นเมื่อใด คุณไม่รู้ว่าภัยคุกคามด้านเงินเฟ้อครั้งต่อไปจะมาถึงเมื่อใด ดังนั้น การเปิดรับสินค้าโภคภัณฑ์ และทองคำในระยะยาว จึงเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

- Advertisement -

นักวิเคราะห์หลายคนชี้ให้เห็นว่า อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นเหตุผลที่ใหญ่ที่สุด ที่นักลงทุนควรถือทองคำ 10% ถึง 15% ในพอร์ตการลงทุน

ทั้งนี้ ทองคำเริ่มมีการปรับตัวลดลงหลังจากที่ Federal Reserve ได้เปิดเผยแผนนโยบายการเงินที่ชัดเจน

โดยนักวิเคราะห์หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ตามปกติราคาทองคำจะต้องปรับตัวลดลงก่อน แต่จะปรับตัวสูงขึ้นหลังจากนั้น โดยยังเห็นความแข็งแกร่งในตลาดทองคำ เมื่อราคาทองคำสามารถรักษาระดับแนวรับไว้เหนือ 1,900 ดอลลาร์ ได้

แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะพิจารณาขึ้นอัตราดอกเบี้ยเจ็ดครั้งในปีนี้ และ อาจเริ่มลดงบดุลในการประชุมครั้งต่อไป

ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อเป็นสาเหตุที่ใหญ่ที่สุด ว่าทำไมทองคำจึงสามารถยืนเหนือ 1,900 ดอลลาร์ ได้ แม้ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับนโยบายการเงินให้เข้มงวดขึ้น โดยตัวเลข CPI เดือน ก.พ. ได้เพิ่มขึ้นแตะ 7.9%

- Advertisement -

George Milling-Stanley หัวหน้านักยุทธศาสตร์ทองคำของ State Street Global Advisors กล่าวว่า หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ทำตามแผนที่จะกำหนดอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 1.75% ภายในสิ้นปีนี้ อัตราดอกเบี้ยจะยังคงต่ำกว่า 2% ในปีนี้ ทำให้ไม่คิดว่าตลาดจะต้องกังวลมากนัก ซึ่งตอนนี้เราได้ข้อมูลอัตราที่แท้จริงแล้ว และเรารู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีก 9 เดือนข้างหน้า เราจะให้ความสำคัญกับตัวเลขเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดมากขึ้น

ที่มา : Kitco.com

- Advertisement -