สัปดาห์ก่อนราคาทองคำปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน
สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงาน Beige Book
คาดการณ์ราคาทองคำจะปรับฐานเพื่อขึ้นได้ต่อ
- สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spot ปรับขึ้นแรงทดสอบแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ทำจุดสูงสุดในรอบเกือบ 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อสหรัฐสูงกว่าตลาดคาด ทำให้กังวลว่าจะกระทบต่อเศรษฐกิจโดยสหรัฐประกาศดัชนีราคาผู้บริโภคเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 5.4% เมื่อเทียบรายปีแต่ในวันพฤหัสทองคำมีปัจจัยลบจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 3 แสนรายนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิดในเดือนมี.ค.2563และในวันศุกร์มีแรงเทขายออกมาอย่างหนักเนื่องจากยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนก.ย.แข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางกับที่ตลาดคาดจะลดลง 0.2% ทางด้านกองทุน SPDRขายทองคำ 4.95 ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัปดาห์นี้ติดตามการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด12 เขต (Beige Book) ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะนำข้อมูล Beige Book มาใช้ประกอบการตัดสินใจนโยบายการเงินในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 2-3 พ.ย.ตัวเลขภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐเดือนก.ย.ดัชนี PMI ภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐเดือนต.ค.
- หลังจากที่ราคาทองคำไม่สามารถทะลุผ่านแนวต้านสำคัญ 1,800 ดอลลาร์ ขึ้นไปได้ ทำให้เกิดสัญญาณของการย่อตัวลงทางด้านเทคนิคอย่างไรก็ดีคาดการณ์ราคาทองคำจะปรับฐานเพื่อขึ้นได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์และ 1,800ดอลลาร์ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,760 ดอลลาร์และ 1,750 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,766.45 | -28.85 | 1,760/1,750 | 1,780/1,800 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,050 | -100 | 27,900/27,750 | 28,150/28,400 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,130 | -100 | 28,050/27,900 | 28,310/28,600 |
แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคาทองคำ Spot1,760ดอลลาร์ (GF28,050 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,750ดอลลาร์ (GF27,900 บาท)และขายทำกำไรที่ 1,780ดอลลาร์(GF28,600 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,771.10 | -15.30 | 1,763/1,753 | 1,783/1,803 |
แนะนำเข้าซื้อเก็งกำไรที่ราคา GOZ211,763ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,753ดอลลาร์และขายทำกำไรที่ 1,783ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ33.20-33.50 บาท/ดอลลาร์ทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐจากยอดค้าปลีกสหรัฐเดือนก.ย.ออกมาแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น 0.7% สวนทางกับที่ตลาดคาดจะลดลง 0.2% โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน33.50บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนค่านลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยรับข้อมูลศก.แกร่ง
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนลดการถือครองดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นสวนทางคาดการณ์ในเดือนก.ย. ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.02% แตะที่ 93.9394 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง 29.6 ดอลล์ข้อมูลศก.แกร่ง-บอนด์ยีลด์เพิ่มกดดันราคา
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่เพิ่มขึ้นและนักลงทุนยังเทขายสัญญาทองคำในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยหลังรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 29.6 ดอลลาร์หรือ 1.65% ปิดที่ 1,768.3 ดอลลาร์/ออนซ์แต่เพิ่มขึ้น 0.6% ดอลลาร์ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.8 เซนต์หรือ 0.55% ปิดที่ 23.349 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดบวก 97 เซนต์ขานรับแนวโน้มอุปสงค์เพิ่มทั่วโลก
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากแนวโน้มความต้องการใช้น้ำมันที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 97 เซนต์หรือ 1.2% ปิดที่ 82.28 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 21 ต.ค. 2557 และในรอบสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3.7% สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 86 เซนต์หรือ 1% ปิดที่ 84.86 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. 2561 และในรอบสัปดาห์นี้พุ่งขึ้น 3%
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 382.20 จุดรับผลประกอบการแกร่ง-ยอดค้าปลีกเพิ่ม
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (15 ต.ค.) และปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดเมื่อคิดเป็นเปอร์เซนต์นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.ที่ผ่านมาโดยได้แรงหนุนจากการที่บริษัทโกลด์แมนแซคส์เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 3 ที่แข็งแกร่งและกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,294.76 จุดเพิ่มขึ้น 382.20 จุดหรือ +1.09%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,471.37 จุดเพิ่มขึ้น 33.11 จุดหรือ +0.75% และดัชนีNasdaq 14,897.34 จุดเพิ่มขึ้น 73.91 จุดหรือ +0.50%
IMF เผยธนาคารกลางจับตาเงินเฟ้อใกล้ชิดพร้อมดำเนินการอย่างเหมาะสม
หน่วยงานกำหนดนโยบายของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าธนาคารกลางต่างๆกำลังติดตามภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดและจะ “ดำเนินการอย่างเหมาะสม” กับความเสี่ยงจากแรงกดดันด้านราคาที่พุ่งสูงขึ้นแถลงการณ์ที่ออกโดยคณะกรรมการจัดการกองทุนการเงินของIMF (IMFC) สะท้อนถึงข้อกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันด้านราคาที่อาจยืดเยื้อหากห่วงโซ่อุปทานยังคงหยุดชะงักจากผลกระทบของโรคโควิด-19 นานกว่าที่คาดไว้นางคริสตาลินาจอร์เจียวาผู้อำนวยการIMF กล่าวในงานแถลงข่าวหลังการประชุมคณะกรรมการว่าอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบันถือเป็น “เรื่องชั่วคราว” ท่ามกลางปัญหาคอขวดที่เกิดขึ้นเนื่องจากเศรษฐกิจบางส่วนฟื้นตัวจากโควิด-19 ได้เร็วกว่าส่วนอื่นๆส่งผลให้อุปสงค์และอุปทานไม่สมดุลกัน “แต่เราเฝ้าจับตาดูอยู่เราจะระมัดระวังให้มากเพราะมีปัจจัยอื่นๆที่อาจกดดันราคาได้” นางจอร์เจียวากล่าวเสริมแถลงการณ์ระบุว่า “ธนาคารกลางต่างๆกำลังติดตามความเคลื่อนไหวของราคาอย่างใกล้ชิดและสามารถมองข้ามแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เป็นเรื่องชั่วคราวได้ธนาคารกลางจะดำเนินการอย่างเหมาะสมหากความเสี่ยงจากการคาดการณ์เงินเฟ้อกลายเป็นรูปธรรม” นอกจากนี้ทางคณะกรรมการฯยอมรับมติของIMF ที่ให้ความไว้วางใจและสนับสนุนให้นางคริสตาลินาจอร์เจียวาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการIMF ต่อไปหลังจากคณะกรรมการได้ทำการทบทวนข้อกล่าวหาที่ระบุว่านางจอร์เจียวาเคยกดดันเจ้าหน้าที่ของธนาคารโลกให้เปลี่ยนแปลงข้อมูลในรายงานเศรษฐกิจเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้จีนระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่งสำคัญในธนาคารโลก
ที่ปรึกษาFDA หนุนฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาให้ผู้สูงอายุ-กลุ่มเสี่ยง
คณะที่ปรึกษาของสำนักงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐได้ลงมติเป็นเอกฉันท์สนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19เข็มที่3หรือวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทโมเดอร์นาให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุตั้งแต่65ปีขึ้นไปหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีอาการเจ็บป่วยรุนแรงการลงมติสนับสนุนวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาถือเป็นขั้นตอนสำคัญก่อนที่สหรัฐจะเริ่มดำเนินการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับประชาชนกว่า69ล้านคนซึ่งได้รับวัคซีนของโมเดอร์นาครบสองโดสแล้วก่อนหน้าการตัดสินใจของคณะที่ปรึกษาด้านวัคซีนและชีวเวชภัณ์ของFDA จะช่วยให้วัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาอยู่ในทิศทางเดียวกับวัคซีนของไฟเซอร์-ไบออนเทคโดยเมื่อวันที่17ก.ย.ที่ผ่านมาคณะที่ปรึกษาของFDA ได้ให้การรับรองในการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเทคให้กับชาวอเมริกันที่มีอายุ65ปีขึ้นไปและผู้ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดอาการรุนแรงหลังจากที่ประชาชนในกลุ่มดังกล่าวได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบโดสแล้วเป็นระยะเวลา6เดือนทั้งนี้คาดว่าFDA จะสรุปผลการตัดสินใจขั้นสุดท้ายสำหรับวัคซีนบูสเตอร์ของโมเดอร์นาภายในไม่กี่วันข้างหน้านี้ก่อนที่จะส่งต่อให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไปในสัปดาห์หน้าโดยหากได้รับความเห็นชอบและการอนุมัติจากCDC แล้วสหรัฐก็จะเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนบูสเตอร์ให้กับชาวอเมริกันที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย6เดือน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.