- Advertisement -

คำแนะนำ :

สามารถถือทองคำต่อได้หากราคาไม่หลุดแนวรับ 1,743-1,734 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และไปรอลุ้นขายทำกำไรบริเวณแนวต้าน 1,759-1,767 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,734 1,717 1,696 แนวต้าน : 1,776 1,787 1,800

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้น  17.95  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนหลังตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 744,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว  ประกอบกับนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้กล่าวในระหว่างอภิปรายร่วมในการประชุม IMF เมื่อวานนี้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่สมบูรณ์และไม่สม่ำเสมอ  แม้ราคาจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ แต่จะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ  พร้อมระบุว่าเฟดมีเครื่องมือที่จะตอบสนอง “หากเงินเฟ้อสูงเกินไป” นั่นคือการขึ้นดอกเบี้ย แต่เฟดไม่คิดว่านั่นจะเป็นสถานการณ์ที่เป็นไปได้มากที่สุด  สะท้อนว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง  ซึ่งประเด็นที่กล่าวมากดดันดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์  พร้อมกับกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐให้ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุด 1.6139% ในระหว่างวันจนเป็นปัจจัยหนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไมได้ผลตอบแทนในรูปแบบขงอดอกเบี้ยเพิ่มเติม  ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐมีแนวโน้มจะตึงเครียดต่อไป  ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเพิ่มบริษัทด้านซูเปอร์คอมพิวเตอร์ของจีนอีก 7 แห่งในบัญชีดำ (Entity list) ทางเศรษฐกิจ  ส่วนคณะกรรมาธิการด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำวุฒิสภาได้กำหนดให้มีการประชุมในวันที่ 14 เม.ย.เพื่อพิจารณาร่างกฎหมายเพื่อเพิ่มความสามารถของประเทศในการต่อต้านการขยายอิทธิพลทั่วโลกของจีน  ซึ่งปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่ม  ส่งผลให้ราคาทองคำทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 เดือนที่ 1,758.62  ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองลดลง -2.62 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI)ของสหรัฐ

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

• (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานพุ่งเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 744,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 694,000 ราย  นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับเพิ่มตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ สู่ระดับ 728,000 ราย จากเดิมรายงานที่ระดับ 719,000 ราย
• (+) อังกฤษแนะเลี่ยงฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าในกลุ่มอายุต่ำกว่า 30 ปี  หน่วยงานด้านยาของอังกฤษและสหภาพยุโรปได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า โดยยอมรับว่ามีความเชื่อมโยงกับภาวะลิ่มเลือดอุดตัน ส่งผลให้อังกฤษจำกัดการใช้วัคซีนในกลุ่มวัยผู้ใหญ่ตอนต้น  สำนักงานกำกับดูแลด้านการแพทย์และสาธารณสุข (MHRA) เผยว่า อังกฤษได้แนะนำให้ผู้ที่อายุต่ำกว่า 30 ปีรับวัคซีนตัวอื่นแทนในกรณีที่มีให้ใช้
• (+) “พาวเวล” เตือนราคาจะดีดตัวขึ้นปีนี้ แต่จะไม่ทำให้เกิดเงินเฟ้อ  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวว่า ราคาจะดีดตัวขึ้นในปีนี้ โดยมีสาเหตุจากการใช้จ่ายที่พุ่งขึ้นของสหรัฐขณะเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่ และอุปทานอยู่ในระดับต่ำ  อย่างไรก็ดี นายพาวเวลระบุว่า ราคาที่ดีดตัวขึ้นดังกล่าวจะไม่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ  “เราคิดว่าจะมีแรงกดดันทำให้ราคาดีดตัวขึ้น ซึ่งจะมีการส่งผ่านไปยังผู้บริโภคในรูปของราคาสินค้าที่แพงขึ้น แต่เราคาดว่าปรากฎการณ์ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว” นายพาวเวลกล่าวผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ในการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ในวันนี้  นายพาวเวลยังตั้งข้อสังเกตว่า เงินเฟ้อได้อยู่ในระดับต่ำมาเป็นเวลา 25 ปีแล้ว ทำให้มีการคาดการณ์กันโดยทั่วไปเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ระดับต่ำ  “หากเงินเฟ้อดีดตัวขึ้นสวนทางกับที่เราคาดการณ์ไว้ และสูงกว่าระดับที่เรายอมรับได้ เราก็จะออกมาตรการเพื่อรับมือภาวะดังกล่าว” นายพาวเวลกล่าว
• (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังเฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยต่ำ-ข้อมูลแรงงานสหรัฐซบเซา  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) หลังรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำ นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันหลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.42% สู่ระดับ 92.0623 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.25 เยน จากระดับ 109.80 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9238 ฟรังก์ จากระดับ 0.9298 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2567 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2625 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1915 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1866 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์ทรงตัวที่ระดับ 1.3735 ดอลลาร์ ส่วนสกุลเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7650 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7604 ดอลลาร์สหรัฐ
• (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 57.31 จุด รับแรงซื้อหุ้นเทคโนฯ-คาดเฟดตรึงดอกเบี้ยต่อ  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮ โดยได้ปัจจัยหนุนจากแรงซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่สูงเกินคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 33,503.57 จุด เพิ่มขึ้น 57.31 จุด หรือ +0.17% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,097.17 จุด เพิ่มขึ้น 17.22 จุด หรือ +0.42% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,829.31 จุด เพิ่มขึ้น 140.47 จุด หรือ +1.03%
• (-) โฆษกเครมลินยันปูตินต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐ  นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ต้องการมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐ แม้ว่าทางวอชิงตันจะมีนโยบายที่ก้าวร้าวก็ตาม  “โดยทั่วไปแล้ว ท่านประธานาธิบดีปูตินยังคงสนับสนุนการมีความสัมพันธ์อันดีกับสหรัฐ อย่างน้อยในด้านที่เป็นประโยชน์ต่อเรา แม้ว่าทางวอชิงตันมีการออกแถลงการณ์ที่ก้าวร้าวและประสงค์ร้าย” นายเพสคอฟกล่าว  นายเพสคอฟยังระบุว่า นโยบายของสหรัฐที่ไม่เป็นมิตรและคาดการณ์ไม่ได้ ทำให้รัสเซียต้องเตรียมพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งรวมถึงการขับไล่นักการทูตและการคว่ำบาตรครั้งใหม่จากสหรัฐ

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -