- Advertisement -

ประเด็นใหญ่ที่ทั่วโลกจับตามองในสัปดาห์หน้า ก็คือ การประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมือง Jackson Hole รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค. โดยปีนี้จะจัดขึ้นภายใต้หัวข้อ Macroeconomic Policy in an Uneven Economy

ซึ่งในงานนี้ จะมีบรรดาเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และนักเศรษฐศาสตร์จากทั่วโลก มารวมตัวกัน โดยคาดว่าจะเห็นแนวทางหรือ นโยบายใหม่ ๆ ของเฟด ภายหลังการประชุม

คุณฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com ว่า จากผลสำรวจล่าสุด ที่จัดทำโดย Reuters ปรากฏว่าไม่มีนักเศรษฐศาสตร์คนใดเลย ที่ระบุว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนการประชุมที่จะถึงนี้ ซึ่งลดลงมากกว่า 1 ใน 4 ในผลการสำรวจความคิดเห็นในเดือน มิถุนายน

แต่มีนักลงทุนบางส่วน มีการคาดการณ์กันว่า นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจเริ่ม “ส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้น” ในการประชุม Jackson Hole ว่า เฟดเตรียมที่จะเริ่ม QE ในเดือนถัด ๆไป

- Advertisement -

ซึ่งอาจเป็นการปูทางสำหรับการประกาศอย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE อย่างเร็วสุดในการประชุมนโยบายการเงินของเฟดในเดือน กันยายน นี้

“ขณะที่การวิเคราะห์ของรอยเตอร์แสดงให้เห็น สุนทรพจน์ของประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลให้เกิดการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในตลาดหุ้น เห็นได้จากดัชนี S&P 500 ที่มีการเคลื่อนไหวโดยเฉลี่ยราว 0.6% ในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ในวันที่ประธานเฟดกล่าวสุนทรพจน์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

อย่างไรก็ดี แม้จะยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าประธานเฟด จะส่งสัญญาณเกี่ยวกับการปรับลดวงเงิน QE หรือไม่ และหากมีการส่งสัญญาณจะมีความชัดเจนมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากจะส่งผลต่อเคลื่อนไหวของราคาทองคำ

ทั้งนี้ หากประธานเฟด ส่งสัญญาณชัดเจน ว่าเฟดเตรียมพร้อมสำหรับการปรับลดวงเงิน QE ภายในปีนี้ แน่นอนว่าจะเป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งค่า และ กดดันราคาทองคำ

แต่หาก เจ้าตัวระบุคล้ายกับถ้อยแถลงหลังการประชุมนโยบายการเงินในเดือน กรกฎาคม ที่ว่า เฟดเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการลดวงเงิน QE แต่เฟดยังไม่ได้ตัดสินใจใด ๆ โดยระยะเวลาที่แน่นอนในการเริ่มต้นลด QE ยังคงขึ้นอยู่กับข้อมูลทางเศรษฐกิจเป็นสําคัญ นั่นสะท้อนให้เห็นถึงท่าทีที่ยัง “ไม่รีบเร่ง” ในการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการเงิน ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำได้

- Advertisement -

ส่วนการเตรียมความพร้อมของนักลงทุน ก่อนการประชุมที่จะเริ่มขึ้นนั้น ทางประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG มองว่า แม้ว่าราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในสัปดาห์ที่แล้ว ทำให้มุมมองเชิงบวกในระยะสั้นเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี ในระยะกลางราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway Down (สีชมพู) และราคายังคงเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย ทั้งระยะ 50, 100 และ 200 วัน ยังคงเกิดสัญญาณ Death Cross

โดยแนวโน้มดังกล่าว เกิดจากเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้น (SMA 50) ตัดลงมาเคลื่อนไหวต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (SMA 200) ซึ่งเป็นสัญญาณทางเทคนิค ที่แสดงสภาวะของตลาดว่ากำลังมีแนวโน้มขาลง

“ทำให้ภาพรวมทางเทคนิคในระยะสั้นมีความผันผวน โดยราคาทองคำจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น หากราคาจะทะลุผ่านโซน 1,796-1,800-1,814 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ดังนั้น แนะนำให้นักลงทุนที่มีการสะสมทองคำจำนวนมาก และไม่อยากแบกรับความเสี่ยงจากผลการประชุม Jackson Hole อาจแบ่งขายทำกำไรเมื่อราคาปรับตัวขึ้นทดสอบกรอบแนวต้าน และหาจังหวะในการเข้าซื้อเพื่อทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวของราคา” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว

สำหรับผู้ที่มีทองคำในมือ หากถือสถานะเป็นจำนวนมาก แนะนำให้ลดสถานะการถือครองทองคำบางส่วน ด้วยการขายทำกำไรระยะสั้น เพื่อลดความเสี่ยง บริเวณแนวต้าน 1,796-1,814 ดอลลาร์ แต่หากผ่าน 1,814 ดอลลาร์ แนะนำถือต่อเพื่อรอขายบริเวณแนวต้านถัดไป

สำหรับผู้ที่ไม่มีทองคำอยู่ในมือ ประเมินว่า การปรับตัวลงของราคาทองคำ ยังคงเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเช่นเดิม แต่แนะนำให้เน้นทำกำไรระยะสั้นเป็นหลัก แนะนำหาจังหวะสะสมทองคำบริเวณแนวรับ 1,768-1,751 ดอลลาร์ และจำเป็นต้องตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,751 ดอลลาร์ เพื่อถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปที่ 1,717 ดอลลาร์

อย่างไรก็ดี แนะนำให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง รวมถึงต้องประเมินความเสี่ยงที่รับได้ก่อนเข้าสถานะ แต่ที่สำคัญที่สุด คือ ตั้ง stop loss ประกอบการลงทุนทุกครั้ง หากราคาไม่เป็นไปตามคาดการณ์

สำหรับกรอบราคาทองคำรายสัปดาห์ แนวรับอยู่ที่ 1,751 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 27,650 บาท และ 1,717 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 27,150 บาท ขณะที่ แนวต้าน อยู่ที่ 1,814 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 28,700 บาท และ 1,834 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 29,050 บาท Rate เงินบาท : 33.40 บาทต่อดอลลาร์

ขอขอบคุณ : YLG

- Advertisement -