ทองคำแท่ง ครั้งที่ 1 (+300) 09:27
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 2 (+50) 09:27
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 3 (-50) 10:56
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 4 (-50) 10:59
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 5 (-50) 11:05
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 6 (+50) 11:33
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 7 (+50) 13:23
ทองคำแท่ง ครั้งที่ 8 (-50) 13:48
ภาพรวมการเคลื่อนไหวราคาทองคำ
ราคาทองคำวานนี้ ปิดเพิ่มขึ้นอีก 24.86 ดอลลาร์ ที่ระดับ 2,062 ดอลลาร์ แต่หลังจากที่ตลาดเอเชียเปิดทำการในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีแรงซื้อเข้ามา ทำให้ราคาพุ่งไปทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ ที่ 2,075 ดอลลาร์ ขณะที่ราคาทองคำในประเทศไทย เช้านี้ปรับเพิ่มอีกบาทละ 300 บาท หากนับตั้งแต่เช้าวันจันทร์ต้นสัปดาห์มาถึงช่วงเช้าวันนี้ ปรับขึ้นไปแล้วบาทละ 1,250 บาท
ทั้งนี้ ราคาทองคำได้รับปัจจัยบวกจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ เงินดอลลาร์อ่อนค่า ธนาคารกลางอังกฤษมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.10% และแถลงการใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบไม่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่สหรัฐฯ ประกาศผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์มีจำนวน 1.186 ล้านราย ดีกว่าตลาดคาดไว้ที่ระดับ 1.41 ล้านราย และต่ำที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการระบาดของโควิด-19 แต่ตัวเลขยังมากกว่า 1 ล้านรายติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 20 ทั้งที่สหรัฐฯ มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่เดือน พ.ค.
ส่วนประเด็นที่ต้องตามในช่วงค่ำคืนนี้ สหรัฐจะประกาศการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือน ก.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 1.53 ล้านตำแหน่ง หลังจากเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 4.80 ล้านตำแหน่ง อัตราการว่างงานเดือน ก.ค. ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 10.5% จาก 11.1% ในเดือน มิ.ย. นอกจากนี้ติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ซึ่งการเจรจาระหว่างสภาคองเกรสและทำเนียบขาว คาดจะบรรลุข้อตกลงในช่วงสุดสัปดาห์นี้
กลยุทธ์การลงทุนทองคำวันนี้
แนวรับ 2,061 ดอลลาร์ 2,047 ดอลลาร์ และ 2,034 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,075 ดอลลาร์ 2,088 ดอลลาร์ และ 2,100 ดอลลาร์
ช่วงเช้าวันนี้ราคาทองคำสามารถสร้างระดับสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ใหม่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่แรงขายทำกำไรและการอ่อนตัวลงค่อนข้างจำกัด แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้นยังคงแข็งแกร่ง ทำให้ประเมินแนวรับระยะสั้นนั้นอยู่ในบริเวณ 2,061-2,047 ดอลลาร์ หากราคาไม่หลุดยังคงมีโอกาสที่ราคาจะทดสอบแนวต้านบริเวณ 2,075-2,088 ดอลลาร์
กลยุทธ์ลงทุนวันนี้ จับตาแนวรับบริเวณโซน 2,061-2,047 ดอลลาร์ หากราคาสามารถยืนเหนือโซนดังกล่าวได้ อาจเข้าซื้อลงทุนระยะสั้น เพื่อรอขายทำกำไรในโซนแนวต้าน 2,075-2,088 ดอลลาร์ หากผ่านได้ถือต่อ
แนวต้าน 2,081 ดอลลาร์ 2,092 ดอลลาร์ และ 2,105-08 ดอลลาร์
แนวรับ 2,062 ดอลลาร์ 2,050-2,048 ดอลลาร์ และ 2,025 ดอลลาร์
ราคาทองคำไทย 96.5%
แนวต้าน : บาทละ 30,470 บาท 30,605 บาท และ 30,815 บาท
แนวรับ : บาทละ 30,375 บาท 30,175 บาท และ 29,435 บาท
กลยุทธ์การลงทุนวันนี้ : นักลงทุนระยะสั้น รอราคาย่อตัว open long ที่ระดับ 2,062 ดอลลาร์ และ 2050-48 ดอลลาร์ มีจุด stop loss ที่ 2,044 ดอลลาร์ ควรดเคร่งครัด stop-loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ก่อน หาก ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในคำสั่ง เพื่อขยายสิทธิประโยชน์การว่างงาน ที่เพิ่งหมดอายุไป ตามที่เคยเปรยไว้ในวันศุกร์ หรือ วันเสาร์ แต่หากไม่การลงนามแต่อย่างใด จากภาพรวมเทคนิครายสัปดาห์ และ รายเดือน ยังคงผลักดันให้ราคาทองขึ้นต่อได้เช่นเดิม
แนวรับ 2,040 ดอลลาร์ และ 2,000 ดอลลาร์
แนวต้าน 2,070 ดอลลาร์ และ 2,100 ดอลลาร์
แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับขึ้นต่อ ทั้งนี้ ราคาทองคำคาดผันผวนตามการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ว่าจะออกมาดีกว่า หรือ แย่กว่าที่ตลาดคาดไว้
ส่วนทิศทางเงินบาทในวันนี้ คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก
แนวต้าน 2,093 ดอลลาร์ 2,098 ดอลลาร์ และ 2,110 ดอลลาร์
แนวรับ 2,041 ดอลลาร์ 2,036 – ดอลลาร์ และ 2,031 ดอลลาร์
ราคาทองคำทำ New High พุ่งขึ้นทะลุแนวต้านบ่อยครั้ง เนื่องจากจากนักลงทุนขาน รับความคืบหน้าในการเจรจามาตรการ กระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ หนุนราคาทองคำดีดตัวขึ้นสูง อย่างไรก็ตาม หากราคาอ่อนตัวลงมานักลงทุนยังสามารถรอซื้อที่กรอบแนวรับได้
กลยุทธ์วันนี้ รอซื้อที่ระดับ 2,041 ดอลลาร์ ทำกำไรที่ 2,093 ดอลลาร์ มีจุด stop loss 2,030 ดอลลาร์
จุดขาย 2,075 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 30,400 บาท
จุดซื้อ 2,055 ดอลลาร์ หรือ บาทละ 30,220 บาท
ราคาทองคำวานนี้ปรับตัวขึ้น 24 ดอลลาร์ ปิดที่บริเวณ 2,063 ดอลลาร์โดยพุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกจากการที่ธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ย และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่คุมเข้มนโยบายการเงินจนกว่าอัตราเงินเฟ้อจะเคลื่อนตัวสู่ระดับเป้าหมายอย่างยั่งยืน นอกจากนี้การอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่เพิ่มความน่าดึงดูดในการถือครองทองคำ ขณะที่ดัชนีดาวโจนส์สหรัฐปิดบวก รับตัวเลขขอรับสวัสดิการว่างงานที่ต่ำกว่าคาดที่ 1.186 ล้านราย จากที่คาดไว้ที่ 1.410 ล้านราย