คำแนะนำ :
เน้นเก็งกำไรในกรอบจากการแกว่งตัว หากราคายังไม่ผ่านโซน 1,896-1,898 ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอเปิดสถานะซื้อในบริเวณ 1,873-1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,857 ดอลลาร์ต่อออนซ์) เพื่อไปรอพิจารณาแนวรับถัดไป
แนวรับ : 1,873 1,857 1,845 แนวต้าน : 1,898 1,9178 1,934
สรุป
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทะยานขึ้น 19.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยราคาทองคำปรับตัวลงก่อนในช่วงเช้าของวันศุกร์ในตลาดเอเชีย จากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันก่อนหน้าออกมาดีเกินคาดจนกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) อาจเริ่มชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลดวงเงินการเข้าซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการQE (QE Tapering)ในไม่ช้านี้ ส่งผลให้ราคาทองคำร่วงลงทำระดับต่ำสุดบริเวณ 1,856.34 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมาจากแรงซื้อ Buy the dip และแรงซื้อทางเทคนิคหลังจากเกิดสัญญาณ Bullish RSI Divergence ใน TF 1 ชั่วโมง ก่อนที่ราคาทองคำจะดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น เพียง 559,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 671,000 ตำแหน่ง แม้ว่าอัตราการว่างงานจะลดลงเกินคาดสู่ระดับ 5.8% ในเดือนพ.ค.ก็ตาม ทั้งนี้ ข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่ “ต่ำกว่าคาด” ได้บั่นทอนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดอาจเริ่มชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในไม่ช้านี้ นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง 0.40% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1.55% จนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้น 40 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในระหว่างวัน สู่ระดับสูงสุดบริเวณ 1,896.05 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่ม +1.41 ตันในวันศุกร์ สำหรับวันนี้ไม่มีกำหนดการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐ
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังสหรัฐเผยข้อมูลจ้างงานต่ำกว่าคาด ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนได้ลดการถือครองดอลลาร์ หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานเดือนพ.ค.ออกมาต่ำกว่าคาด ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.41% แตะที่ 90.1401 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 109.50 เยน จากระดับ 110.29 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8991 ฟรังก์ จากระดับ 0.9041 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2074 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2104 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2165 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2125 ดอลลาร์, เงินปอนด์แข็งค่าสู่ระดับ 1.4159 ดอลลาร์ จากระดับ 1.4095 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7743 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7651 ดอลลาร์สหรัฐ
- (+) เฟดยันยังไม่เปลี่ยนแปลงนโยบายการเงิน แม้สหรัฐเผยตัวเลขจ้างงานแกร่ง นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาคลีฟแลนด์ กล่าวว่า เฟดจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงทิศทางนโยบายการเงิน แม้สหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งในเดือนพ.ค. “นี่เป็นรายงานที่แข็งแกร่ง และแสดงถึงความคืบหน้าในตลาดแรงงาน ซึ่งถือเป็นข่าวที่ดีมาก แต่ดิฉันต้องการที่จะเห็นความคืบหน้าต่อไปมากกว่าที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้” นางเมสเตอร์กล่าว นางเมสเตอร์ระบุว่า แม้ตัวเลขการจ้างงานปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค. แต่ก็ยังไม่ถึงระดับที่เฟดได้ตั้งเป้าหมายให้ตลาดมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ ก่อนที่เฟดจะหันมาใช้นโยบายการเงินแบบปกติจากการผ่อนคลายเป็นพิเศษในขณะนี้เพื่อรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
- (+) สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลงมากกว่าคาดในเดือนเม.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.6% ในเดือนเม.ย. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.2% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนมี.ค.
- (-) รมว.แรงงานสหรัฐขานรับตัวเลขจ้างงานสดใส นายมาร์ตี วอลช์ รมว.แรงงานสหรัฐ ขานรับตัวเลขการจ้างงานที่แข็งแกร่งในวันนี้ และคาดการณ์ว่าชาวอเมริกันจำนวนมากขึ้นจะสามารถกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า ขณะที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เริ่มบรรเทาลง จากการที่สหรัฐมีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในวงกว้าง นายวอลช์กล่าวว่า ตัวเลขการจ้างงานดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าแผนเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังบรรลุผล “เรากำลังเห็นแสงสว่างจากปลายอุโมงค์” นายวอลช์กล่าว นายวอลช์กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการให้บริการกำลังมีการขยายตัว ซึ่งบ่งชี้พัฒนาการในเชิงบวกในช่วงฤดูร้อนนี้
- (-) ไบเดนขานรับตัวเลขจ้างงานสหรัฐ บ่งชี้เศรษฐกิจคืบหน้าเป็นประวัติการณ์ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานของสหรัฐที่มีการปรับตัวขึ้นในเดือนพ.ค. ถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ความคืบหน้าเป็นประวัติการณ์ของเศรษฐกิจสหรัฐ “รายงานการจ้างงานในวันนี้ได้แสดงถึงความคืบหน้าเป็นประวัติการณ์สำหรับครอบครัวชาวอเมริกัน และเศรษฐกิจอเมริกัน โดยอเมริกากำลังเดินหน้าอีกครั้งหนึ่ง” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
- (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 179.35 จุด ข้อมูลจ้างงานคลายวิตกเงินเฟ้อ ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (4 มิ.ย.) นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่ปรับตัวขึ้น หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานของสหรัฐที่ต่ำกว่าคาดได้ช่วยคลายความวิตกของนักลงทุนที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจคุมเข้มนโยบายการเงินในไม่ช้านี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,756.39 จุด เพิ่มขึ้น 179.35 จุด หรือ +0.52%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,229.89 จุด เพิ่มขึ้น 37.04 จุด หรือ +0.88% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,814.49 จุด เพิ่มขึ้น 199.98 จุด หรือ +1.47%
- (+/-) สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 559,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ค. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 671,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.8% ในเดือนพ.ค. ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงสู่ระดับ 5.9% หลังจากแตะระดับ 6.1% ในเดือนเม.ย. กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมี.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 785,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 770,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนเม.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 278,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 266,000 ตำแหน่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าในเดือนพ.ค. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 492,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 67,000 ตำแหน่ง ส่วนตัวเลขอัตราการเข้าสู่ตลาดแรงงานของสหรัฐ ซึ่งแสดงสัดส่วนของกำลังแรงงานต่อจำนวนประชากรทั้งหมด ลดลงสู่ระดับ 61.6%
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.