22-6-20
คำแนะนำ เนื่องจากราคาปรับขึ้นค่อนข้างมาก แนะนำเน้นการลงทุนระยะสั้นและไม่ควรถือสถานะข้ามวัน หากราคาไม่หลุด 1,746-1,737ดอลลาร์ต่อออนซ์ รอเสี่ยงเปิดสถานะซื้อในบริเวณดังกล่าว (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,737 ดอลลาร์ต่อออนซ์)
แนวรับ :
1,746 1,737 1,726
แนวต้าน :
1,765 1,776 1,787
ปัจจัยพื้นฐาน :
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ระบาดของ COVID-19 ระลอกใหม่ในสหรัฐ หลังยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อถึง 30,000 รายต่อวันติดต่อกัน2 วันขณะที่ผู้ติดเชื้อรายใหม่พุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในรัฐทางใต้, ตะวันตกและตะวันตกตอนกลางนั่นกระตุ้นความวิตกว่าสหรัฐอาจกลับมาใช้มาตรการ Lockdown เพื่อยับยั้งการระบาดอีกครั้ง ซึ่งจะยิ่งบั่นทอนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจตอกย้ำความวิตกดังกล่าวหลังBloomberg รายงานว่า แอปเปิลวางแผนจะปิดแอปเปิล สโตร์จำนวน 11 แห่งในรัฐ Florida, North Carolina, South Carolina และ Arizona เป็นการชั่วคราวนอกจากนี้ นักลงทุนยิ่งวิตกมากขึ้น หลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดแสดงความเห็นในวันศุกร์ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น บวกรวมกับความไม่แน่นอนทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ทั้งความขัดแย้งระหว่างจีน-อินเดีย, ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี รวมไปถึงความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐหลังประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ในวันพฤหัสบดีว่าจะตัดสัมพันธ์กับจีนปัจจัยที่กล่าวมากดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และกระตุ้นแรงซื้อทองคำในสินทรัพย์ปลอดภัยจนราคาทองคำทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,745 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันศุกร์พร้อมปรับตัวขึ้นต่อในช่วงเช้าวันนี้ที่ตลาดเอเชีย จนแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนบริเวณ 1,752 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดีการปรับตัวขี้นของราคายังถูกสกัดช่วงบวกจากการแข็งค่าของดอลลาร์ หลังนักลงทุนเข้าซื้อสกุลเงินดอลลาร์ควบคู่ไปกับทองคำ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มขึ้นในวันศุกร์ +23.09 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดขายบ้านมือสองของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค :
ราคาสร้างระดับสูงสุดใหม่จากสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้แนวโน้มเป็นบวกมากขึ้น แต่หากราคาทองคำไม่สามารถ break out ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์ขึ้นไปได้(ระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 ปีครึ่ง) อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นให้กลับลง มาตั้งฐานราคาด้านล่างอีกครั้ง เบื้องต้นประเมินว่าแนวรับด้านล่างอยู่บริเวณ 1,746-1,737 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เปิดสถานะซื้อหากราคาอ่อนตัวลงมาในโซน 1,746-1,737 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 1,737 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ทั้งนี้อาจพิจารณาแบ่งทองคำออกขายทำกำไรบางส่วนหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,759-1,765 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 208.64 จุด ข่าว”แอปเปิล”ปิดสโตร์ในสหรัฐทุบตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) หลังการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ที่เพิ่มขึ้นในหลายรัฐ และบริษัทแอปเปิล อิงค์ ประกาศปิดสโตร์ในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงความเห็นว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วและราบรื่น ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,871.46 จุด ร่วงลง 208.64 จุด หรือ -0.80% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,097.74 จุด ลดลง 17.60 จุด หรือ -0.56% ส่วนดัชนี Nasdaqปิดที่ 9,946.12 จุด เพิ่มขึ้น 3.07 จุด หรือ +0.03%
- (+) นักเศรษฐศาสตร์ชี้สงครามเย็นระหว่างจีน-สหรัฐคุกคามโลกยิ่งกว่าโควิด-19 นายเจฟฟรีย์แซคส์ นักเศรษฐศาสตร์ผู้ทรงอิทธิพลและศาสตราจารย์ประจำมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เผยสงครามเย็นระหว่างสหรัฐและจีนที่หยั่งรากลึกมากยิ่งขึ้นนั้น จะกลายเป็นปัจจัยที่สร้างความกังวลให้กับโลกยิ่งกว่าไวรัสโควิด-19 นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า โลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความปั่นป่วนครั้งใหญ่โดยปราศจากความเป็นผู้นำภายหลังการแพร่ระบาดของไวรัส ความแตกแยกของประเทศมหาอำนาจทั้ง 2 ประเทศ จะยิ่งเร่งให้เกิดภาวะปั่นป่วนมากยิ่งขึ้น นายแซคส์มองว่า รัฐบาลสหรัฐเป็นต้นตอของท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ของทั้ง 2 ประเทศ และกล่าวต่อไปว่า สหรัฐเป็นพลังแห่งความแตกแยก ไม่ใช่พลังแห่งความร่วมมือ ด้วยความพยายามที่จะสร้างสงครามเย็นครั้งใหม่กับจีน และหากสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อไป เราจะไม่สามารถกลับมาเป็นเหมือนดังเดิมได้อีก เราจะพบกับความขัดแย้งและอันตรายที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น
- (+) ประธานเฟดบอสตันฟันธงอัตราว่างงานสหรัฐยังสูงกว่า 10% ภายในสิ้นปีนี้ นายเอริค โรเซนเกรน ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาบอสตันเปิดเผยในวันศุกร์ (19 มิ.ย.) ว่า อัตราว่างงานในสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ระดับเลขสองหลักภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ความพยายามในการควบคุมโรคโควิด-19 ในสหรัฐจนถึงขณะนี้นั้น ยังไม่ประสบความสำเร็จ นายโรเซนเกรนเปิดเผยในการประชุมออนไลน์ที่จัดโดยหอการค้าพรอวิเดนซ์ในโรดไอแลนด์ว่า “ผมคาดว่าอัตราการว่างงานจะยังคงอยู่ที่ระดับเลขสองหลักในช่วงสิ้นปีนี้ เมื่อพิจารณาจากผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วงครึ่งปีหลัง” นายโรเซนเกรนกล่าวว่า “การคาดการณ์ของผมไม่ได้รวมถึงแนวโน้มที่การแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 จะรุนแรงมากกว่ารอบแรก ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วกับการระบาดของไข้หวัดสเปนในปี 2461, ไข้หวัดเอเชียปี 2500-2501 และไข้หวัด H1N1 ในปี 2552-2553” นายโรเซนเกรนตั้งข้อสังเกตว่า ความพยายามในการควบคุมไวรัสโควิด-19 จนถึงขณะนี้ยังไม่ประสบความสำเร็จ ขณะที่สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่าประเทศอื่นๆ
- (+) “แอปเปิล”เตรียมปิดสโตร์11 แห่งในสหรัฐ หวั่นโควิดระบาดรอบสอง สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัทแอปเปิล อิงค์กำลังเตรียมปิดแอปเปิล สโตร์ ที่ตั้งในฟลอริดา แอริโซนา นอร์ท แคโรไลนา และเซาท์ แคโรไลนา ท่ามกลางการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ทั้งนี้ แอปเปิลจะปิดแอปเปิล สโตร์11 แห่ง แต่ยังไม่มีการกำหนดว่าจะเป็นสาขาใด
- (+) “โกลด์แมน”เพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำปีนี้แตะ 2 พันดอลลาร์/ออนซ์โกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองคำในระยะ 3 เดือน, 6 เดือน และ 12 เดือน ขึ้นสู่ระดับ 1,800, 1,900 และ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ตามลำดับ จากการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 1,600, 1,650 และ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ นักวิเคราะห์ของโกลด์แมนระบุว่า การปรับเพิ่มคาดการณ์ราคาทองครั้งล่าสุดนั้น เป็นผลจากการที่ผู้บริโภคในตลาดเกิดใหม่ต้องการลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยหลังจากได้รับผลกระทบจากความมั่งคั่งที่ลดลง และนักลงทุนในตลาดที่พัฒนาแล้วต้องการลงทุนในทอง เพราะถูกขับเคลื่อนด้วยความวิตกเกี่ยวกับการลดค่าเงิน และดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
- (-) ดอลล์แข็งค่า เหตุวิตกโควิดระบาดรอบสองหนุนแรงซื้อสกุลเงินปลอดภัย ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ซึ่งถือเป็นสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 ในสหรัฐและจีน ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.2% สู่ระดับ 97.622 เมื่อคืนนี้ โดยปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันแล้ว ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบเงินเยนที่ระดับ 106.86 เยน จากระดับ 106.82 เยน, ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9516ฟรังก์ จากระดับ 0.9510ฟรังก์ และดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3604 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1186 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1207 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2355 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2419 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าสู่ระดับ 0.6848 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6846 ดอลลาร์สหรัฐ
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)