- Advertisement -

การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้(2 พ.ย.) ก่อนที่จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ปรากฎว่าราคายังคงขยับตัวในกรอบ 1,873-1,887ดอลลาร์ และขณะนี้(16.30 น.)ราคาได้ขึ้นไปทดสอบระดับ 1,889 ดอลลาร์ ซึ่งจ้องมาดูว่าจะสามารถทะลุผ่านแล้วไปยืนเหนือ 1,990 ดอลลาร์ได้หรือไม่

“ดูจากการเคลื่อนไหวของราคาทองคำแล้ว ยังเป็นไปได้ทั้ง 2 ฝั่ง แม้ทางเทคนิคจะมองว่าราคาน่าจะไปพักตัวแถว 1,860-1,850 ดอลลาร์ แต่เมื่อราคาลดต่ำลงก็ยังมีแรงซื้อกลับเข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยกรอบราคาในช่วง 1-2 วันนี้ คาดว่าจะอยู่ในระดับ 1,850-1,900 ดอลลาร์ และราคาอาจจะเคลื่อนไหวรุนแรงตั้งแต่หลังตลาดอเมริกาเปิด ซึ่งนักลงทุนจะต้องเพิ่มความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น เพราะราคาจะเริ่มผันผวนรุนแรง หากเป็นไปได้อยากให้ลงทุนในลักษณะสั้นถึงสั้นที่สุด หากปิดจบภายในวันเดียวได้ ก็จะเป็นเรื่องที่ดี หรือให้ถือสถานะเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น รอให้การเมืองในสหรัฐมีความชัดเจนจึงค่อยมาปรับแผนการลงทุนอีกครั้ง ” นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวกับ GoldAround.com

อย่างไรก็ดีเมื่อมองภาพรวมราคาระยะสั้นทางเทคนิคแล้ว ยังเชื่อว่าราคามีโอกาสจะไหลลงมากกว่า โดยเมื่อราคาลงต่ำกว่า 1,860 ดอลลาร์ ก็เป็นโอกาสเหมาะที่ทยอยเข้าซื้อ เพื่อลงทุนระยะกลาง และยาว เพราะไม่ว่า”ทรัมป์” หรือ”ไบเดน” ได้รับชัยชนะจะได้ต้องมีการอัดฉีดเงินเพิ่มแน่นอน ซึ่งย่อมส่งผลดีต่อราคาทองคำ อย่างไรก็ดีหากราคาหลุดต่ำกว่า 1,860 ดอลลาร์ แนวรับต่อไปจะอยู่ที้ 1,825 ดอลลาร์ และ1,760 ดอลลาร์ แต่ยังคาดว่าราคาทองคำน่าจะไปพักฐานแถว 1,850 ดอลลาร์

ส่วนวันนับคะแนนประธานาธิบดีสหรัฐเลือกตั้งคาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,840-1,930 ดอลลาร์ ซึ่งจะใกล้เคียงกับการนับคะแนนครั้งที่ผ่านมา คือสวิงขึ้น-ลง ประมาณ 100 ดอลลาร์ แต่เชื่อว่าการนับคะแนนคงจะไม่เสร็จสั้นภายในวันเดียว เพราะยังต้องรอผลคะแนนจากผู้ลงคะแนนทางไปรษณีย์ ซึ่งในครั้งนี้มีเป็นจำนวนมาก แต่อาจจะพอเห็นแนวโน้มว่าใครจะเป็นผู้ชนะ

- Advertisement -

ขณะที่การเคลื่อนไหวของราคาทองคำหลังจากที่ผ่านพ้นวันเลือกตั้งไป คาดว่าจะผันผวนขึ้นลงในกรอบ 5-15% โดยเฉพาะหากผลการนับคะแนนมีความสูสีกัน เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะไม่จบลงง่ายๆ อาจจะต้องมีการร้องเรียน ซึ่งระยะสั้นจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ ส่วนเรื่องของนโยบายและเงินอัดฉีด กว่าจะมีผลคาดว่าอาจจะต้องเป็นในช่วงเดือนมกราคม 2021 หลังพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งไปแล้ว

“ในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปถึงกลางปีหน้า หลายฝ่ายคาดว่าราคาทองคำจะต้องปรับตัวขึ้น เพราะประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่จ้องประกาศแผนอัดฉีดก้อนใหญ่ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อราคาทองคำ แต่หลังจากกลางปีหน้าไปแล้ว จะต้องมาดูถึงสถานการณ์ในภาพรวมอีกครั้งว่า การแพร่ระบาดของCOVID-19 จะเป็นอย่างไร วัคซีนป้องกันจะสำเร็จออกมาหรือยัง ถ้ามีออกมาอาจจะทำให้ความสำคัญของทองคำ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดลง เพราะเศรษฐกิจอาจจะเริ่มกลับมาดี มุมมองต่อนโยบายดอกเบี้ยอาจจะถูกปรับเปลี่ยนไป ทั้งนี้นักลงทุนจะต้องติดตามวิวัฒนาการณ์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นระยะๆ “กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวและว่า

อย่างไรก็ดีในระยะหลังมีสัญญาณที่ไม่ค่อยดีต่อตลาดทองคำ ทั้งการปรับลดการถือครองทองคำของธนาคารกลาง รวมถึงกองทุนทองคำ อย่าง SPRD ได้ส่งสัญญาณขายมากขึ้น โดยภาพรวมในเดือนที่ผ่านมาขายมากกว่าซื้อ ซึ่งจะต้องมาวิเคราะห์กันต่อว่าเป้าหมายที่นักวิเคราะห์จากหลายสำนักมองว่า ราคาทองคำจะพุ่งแตะไประดับ 2,100 ดอลลาร์ 2,500 ดอลลาร์ 3,000 ดอลลาร์ หรือมากกว่านั้นจะยังคงมีโอกาสที่จะเป็นไปได้หรือไม่ หรือจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไร

- Advertisement -