มาดูการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ดัชนี CPI เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 0.9% เมื่อเทียบรายเดือน สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2551 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 0.5% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ค.
เมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 5.4% สูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2551 และสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 5.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 5.0% ในเดือนพ.ค.
ทั้งนี้หากไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 0.9% ในเดือนมิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.7% ในเดือนพ.ค.และเมื่อเทียบรายปี ดัชนี CPI พื้นฐานพุ่งขึ้น 4.5% ในเดือนมิ.ย. สูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2534 สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 3.8% หลังจากเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนพ.ค.
มีรายงานว่าหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเกินคาดทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐสหรัฐอายุ 10 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 1.356% ล่าสุด (22.00 น.) อยู่ที่ 1.380% ขณะที่ดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้น 0.44% แตะ 92.67 ล่าสุด (22.00 น.) อยู่ที่ 92.51
“ด้านนักวิเคราะห์จากต่างชาติชี้ตัวเลขเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะหนุนราคาทองคำต่อไป อย่างไรก็ดีจะมีนักวิเคราะห์บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ราคาทองคำอาจประสบปัญหาในระยะสั้นเช่นกัน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้เร็วกว่าที่กำหนดไว้“
ทั้งนี้ ในการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐเมื่อเดือนมิถุนายน ได้มีการส่งสัญญาณว่าอาจจะพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วกกว่ากำหนด นอกจากนั้น นักเศรษฐศาสตร์บางคนยังคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะประกาศลด QE ในการประชุมประจำปี ที่แจ็คสัน โฮลล์ ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
Katherine Judge นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของ CIB กล่าวกับ KItco news ว่า มีโอกาสที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปี 2022
อย่างไรก็ตามก็มีนักเศรษฐศาสตร์อีกหลายคนมีความคิดเห็นเช่นเดียวกับ ปธ.เฟด ที่มองว่าเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว โดยนักเศรษฐศาสตร์ระบุว่า เมื่อดูข้อมูล CPI ล่าสุด พบว่าราคาของรถยนต์มือสองเพิ่มขึ้น 10.5% ซึ่งคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของ CPI ที่เพิ่มขึ้นทุกปี
และเมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบอื่นๆ ของรายงาน ดัชนีอาหารเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้น 0.8% เพิ่มขึ้น 0.4% จากเดือนพฤษภาคม ในขณะที่ดัชนีพลังงานเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 1.5% โดยดัชนีน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน
แต่ แอนดรูว์ ฮันเตอร์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของสหรัฐฯ ที่ Capital Economics กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อดูเหมือนจะถาวรมากกว่าที่คาดไว้ พร้อมระบุว่าแรงกดดันด้านราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้นจากการขาดแคลนสินค้าและการเปิดดำเนินธุรกิจที่เพิ่มขึ้นควรหมดไป โดยคาดว่าการเติบโตของค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงจากค่าเฉลี่ย 3% ในปีนี้ จะอยู่ในระดับ 2.8% ในปีหน้า
ทั้งนี้ นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรในช่วงดึกวันนี้(14 ก.ค.) ตามเวลาในประเทศไทย และจะแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในช่วงค่ำวันที่ 15 ก.ค.ตามเวลาไทย โดยอาจจะมีการพูดถึงการปรับนโยบายการเงิน ทั้ง ปริมาณ QE และ อัตราดอกเบี้ยสหรัฐ หลังเงินเฟ้อขยับเพิ่มขึ้นอีก รวมทั้งผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.