Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

ทองคำเน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว เนื่องจากราคามีความผันผวนเพิ่มขึ้น (YLG)

- Advertisement -

0 660

- Advertisement -

2-7-20

คำแนะนำ :

เน้นทำกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัว เนื่องจากราคามีความผันผวนเพิ่มขึ้น  โดยพิจารณาเปิดสถานะขายในโซน 1,779-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรระยะสั้น หากราคาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,758 1,747 1,732 แนวต้าน : 1,779 1,790 1,803

จจัยพื้นฐาน :

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 10.48  ดอลลาร์ต่อออนซ์  แต่ดิ่งลงกว่า 30 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดของปีนี้ครั้งใหม่บริเวณ 1,789 ดอลลาร์ต่อออนซ์  สู่ระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,758  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำเผชิญกับแรงขายทำกำไรหลังจากราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงในช่วงที่ผ่านมา  ประกอบกับนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง  โดยได้รับแรงกดดันจาก (1.) ความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้าน COVID-19 หลังจากการทดลองขั้นต้นของวัคซีนต้าน COVID-19 จากบริษัท Pfizer Inc และ BioNtech บ่งชี้ว่า วัคซีนดังกล่าวปลอดภัย และสามารถกระตุ้นให้ผู้ป่วยผลิตสารภูมิคุ้มกันต่อไวรัส  และ (2.) การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีเกินคาด  อาทิ  การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.369 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย.แม้จะต่ำกว่าที่คาด  แต่มีการปรับ “เพิ่ม” ตัวเลขในเดือนพ.ค. โดยรายงานว่ามีการจ้างงานพุ่งขึ้น 3.065 ล้านตำแหน่ง เพิ่มขึ้นจากเดิมที่รายงานว่าการจ้างงานลดลง 2.76 ล้านตำแหน่ง  ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตของสหรัฐจาก ISM ปรับตัวขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย.ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี  สถานการณ์ดังกล่าวกดดันให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัยในวงกว้าง  ไม่ว่าจะเป็นพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ,  สกุลเงินดอลลาร์รวมถึงทองคำ  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +3.21 ตัน  สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงาน  ได้แก่  ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมง  รวมทั้งจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดสั่งซื้อภาคโรงงาน

จจัยทางเทคนิค :

ราคาชะลอการปรับตัวขึ้น ประกอบกับ มีแรงขายออกมาในระดับสูง หลังราคาดีดตัวขึ้นเข้าใกล้โซน 1,789-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ระดับสูงสุดของปี 2020, ก.พ. ปี 2012) แม้ว่าราคาจะมีการฟื้นตัวขึ้นได้บ้างแต่ทำให้แนวโน้มราคาในเชิงบวกลดลง เบื้องต้นหากไม่สามารถยืนเหนือแนวต้าน 1,774-1,779 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มีโอกาสที่จะเผชิญแรงขายลงสู่แนวรับในโซน 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดจะมีแนวรับถัดไปบริเวณที่ 1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์

กลยุทธ์การลงทุน :

เน้นเก็งกำไรระยะสั้นจากการแกว่งตัวตามกรอบแนวรับแนวต้าน  แนะนำเปิดสถานะขายหากราคาไม่ผ่านแนวต้านบริเวณ 1,779-1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์(ตัดขาดทุนหากยืนเหนือ 1,790 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) เข้าซื้อคืนเพื่อทำกำไรหากราคาไม่หลุดแนวรับบริเวณ 1,758 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากหลุดชะลอการเข้าซื้อออกไป

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) WHO ชี้บางประเทศที่กำลังเผชิญโควิดระบาด อาจจะต้องล็อกดาวน์รอบสอง  พญ.มาเรีย แวน เคิร์คโฮฟ หัวหน้าหน่วยโรคอุบัติใหม่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า บางประเทศที่กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 อาจจะต้องกลับมาใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการระบาด 
  • (+) เฟดเตือนอัตราว่างงานสหรัฐสูงกว่า 10% ปลายปีนี้จากพิษโควิด  นางแมรี ดาลี ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาซานฟรานซิสโก กล่าวว่า แม้แต่ในการคาดการณ์ที่ดีที่สุด อัตราการว่างงานของสหรัฐจะยังคงอยู่สูงกว่า 10% ในปลายปีนี้ และจะไม่กลับสู่ระดับก่อนเกิดวิกฤตการณ์โควิด-19 เป็นเวลา 4-5 ปี  “ถ้าเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ โดยมีการคิดค้นวัคซีน กิจกรรมทางเศรษฐกิจของเราก็จะฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจใช้เวลา 4-5 ปี แต่ถ้าเราเผชิญกับผลกระทบที่ยาวนาน การฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็อาจใช้เวลานานกว่านั้น” นางดาลีกล่าว
  • (+) เงินดอลล์อ่อน นักลงทุนขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลศก.สหรัฐแกร่งดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หลังการเปิดเผยความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.19% สู่ระดับ 97.2120 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 107.49 เยน จากระดับ 107.98 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9464 ฟรังก์ จากระดับ 0.9475 ฟรังก์ แต่หากเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 1.3587 ดอลลาร์แคนาดา 1.3586 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1244 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1233 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2466 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2390 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.6913 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6897 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ISM เผยดัชนีภาคการผลิตสหรัฐพุ่งนิวไฮรอบกว่า 1 ปีในเดือนมิ.ย.  ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 52.6 ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว จากระดับ 43.1 ในเดือนพ.ค. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 49.5
  • (-) “มาร์กิต”เผยดัชนี PMI ภาคการผลิตสหรัฐดีดตัวในเดือนมิ.ย.  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. จากระดับ 39.8 ในเดือนพ.ค.
  • (-) วัคซีนต้านโควิด-19 จาก”Pfizer”,”BioNtech”แสดงสัญญาณเชิงบวกในการทดลองขั้นต้น  การทดลองขั้นต้นในวัคซีนโควิด-19 จากบริษัท Pfizer Inc และ BioNtech แสดงว่า วัคซีนดังกล่าวปลอดภัยและกระตุ้นให้ผู้ป่วยผลิตสารภูมิคุ้มกันต่อโควิด-19 ซึ่งทำให้วัคซีนดังกล่าวอยู่ในกลุ่มวัคซีนนำสำหรับการต้านโรคระบาด  ผลิตภัณฑ์ “RNA” ได้รับการทดสอบกับผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี 45 คน ซึ่งแบ่งออกเป็นหลายกลุ่ม ในจำนวนนี้ 24 คนได้รับการฉีดวัคซีนที่แตกต่างกัน 2 โดส โดย 12 คนรับวัคซีนในโดสระดับสูงครั้งเดียว และผู้ป่วย 9 คนได้รับวัคซีน 2 ครั้ง กลุ่มที่ได้รับวัคซีน 2 ครั้งผลิตสารภูมิต้านทานระดับสูง 
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบ 77.91 จุด แต่ S&P500,Nasdaq บวกรับความหวังวัคซีนต้านโควิด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (1 ก.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนมิ.ย.ซึ่งนักลงทุนมองว่า เฟดไม่ได้ให้รายละเอียดมากนักเกี่ยวกับแนวทางการสื่อสารให้ตลาดรับรู้เรื่องสัญญาณชี้นำทิศทางนโยบายการเงิน (Forward Guidance) อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านโควิด-19 รวมทั้งข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 25,734.97 จุด ลดลง 77.91 จุด หรือ -0.30% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,115.86 จุด เพิ่มขึ้น 15.57 จุด หรือ +0.50% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,154.63 จุด เพิ่มขึ้น 95.86 จุด หรือ +0.95%
  • (+/-) ADP เผยภาคเอกชนสหรัฐจ้างงานเพิ่มกว่า 2 ล้านในมิ.ย. ขณะปรับตัวเลขดีขึ้นในเดือนพ.ค.  ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 2.369 ล้านตำแหน่งในเดือนมิ.ย. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.5 ล้านตำแหน่ง  นอกจากนี้ ADP ได้ปรับตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนในเดือนพ.ค. โดยรายงานว่ามีการจ้างงานพุ่งขึ้น 3.065 ล้านตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่า การจ้างงานลดลง 2.76 ล้านตำแหน่ง

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Leave A Reply

Your email address will not be published.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More