หลังจากราคาทองคำปรับตัวลงแรงในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก่อนที่จะดีดตัวขึ้น อย่างแข็งแกร่งตั้งแต่สัปดาห์นี้ ล่าสุด(13.30น”)ราคาทองคำได้เคลื่อนไหวเหนือระดับ 1,840 ดอลลาร์
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิว เจอร์ส จำกัด หรือ YLG กล่าวกับ GoldAround.com ว่าในระยะสั้นราคาทองคำมีการยกระดับต่ำสุดขึ้นในสัปดาห์นี้ (Trend Line สีเขียว) ส่งผลให้ระยะสั้นราคาทองคำมีมุมมองเชิงบวกมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี เนื่องจากในระยะกลางราคายังเคลื่อนไหวในแบบ Sideway Down (Trend line สีแดง) และยังคงติดTrend line สีน้ำเงินที่ลากจาก High ในเดือนม.ค. ที่ 1,959 ดอลลาร์ มาสู่ High ของราคาทองคำในเดือนก.พ. จึงยังคงต้องระมัดระวังแรงขายที่คาดว่าจะมีสลับออกมาเป็นระยะ
ทั้งนี้ ในระยะกลางราคาทองคำจะมีมุมมองเชิงบวกมากขึ้น หากราคาทะลุขึ้นไปยืนบริเวณ 1,855-1,851 ดอลลาร์ ซึ่งจะส่งผลให้ราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,875 ดอลลาร์
“กลยุทธ์ในการลงทุนระยะสั้น แนะนำเข้าซื้อ เมื่อราคาอ่อนตัวลง โดยเข้าซื้อหากราคาย่อตัวไม่หลุดบริเวณ 1,821-1,805 ดอลลาร์ หรือบาทละ 25,800-25,600 บาทต่อบาททองคำ และตัดขาดทุนทันทีหากราคาหลุด 1,805 ดอลลาร์ หรือบาทละ 25,600 บาทต่อบาททองคำ เพื่อถอยจุดซื้อไปยังแนวรับถัดไปที่ 1,784-1,765 ดอลลาร์ หรือบาทละ 25,300-25,000 บาทต่อบาททองคำพร้อมกับแบ่งทองคำออกขายตามแนวต้าน โดยมีแนวต้านแรกบริเวณ 1,851-1,875 ดอลลาร์ หรือบาทละ 26,600-26,300 บาทต่อบาททองคำ แต่หากผ่านได้อาจถือต่อเพื่อรอขายบริเวณแนวต้านถัดไป”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร YLG กล่าว
ส่วนประเด็นที่น่าติดตามในคืนนี้ (10 ก.พ.) จะมีการเปิดเผยตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรวัดเงินเฟ้อ รวมไปถึงการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
นอกจากนี้ในช่วง 02.00 น. ติดตามถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ผ่านการสัมนาออนไลน์ในการประชุม Economic Club of New York ท่าทีในเชิงสนับสนุนการผ่อนคลายนโยบายการเงิน หรือ ถ้อยแถลงที่ตอกย้ำว่าเฟดจะไม่เร่งรีบให้การถอนมาตรการ QE ในเร็ววันนี้ จะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำ
อีกหนึ่งปัจจัยที่ต้องติดตาม คือ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังรอบใหม่ของสหรัฐ รวมไปถึงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ต่างๆ ขานรับข่าวดังกล่าว หากนักลงทุนโฟกัสว่าเม็ดเงินจากมาตรการดังกล่าวจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อ จะส่งผลเชิงบวกต่อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วย ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน
แต่ หากนักลงทุนกลับไปโฟกัสว่ามาตรการดังกล่าวจะกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐให้ฟื้นตัวจนส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐเตรียมลดวงเงินการเข้าซื้อ สินทรัพย์รายเดือน (QE Tapering) อาจ เป็นปัจจัยหนุนดอลลาร์และกดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงได้
ขอบคุณข้อมูล : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนฟิวเจอร์ส จำกัด หรือ YLG
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.