ภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์ที่ผ่านมา (8-11 ก.พ.) ราคาได้เคลื่อนไหวผันผวนในกรอบเกือบ 60 ดอลลาร์ โดยทำจุดสูงสุดที่ 1,865 ดอลลาร์ (คืนวันศุกร์ ที่ 11 ก.พ.) ขณะที่จุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,806 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดสัปดาห์ที่ 1,858 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 50.90 ดอลลาร์ หรือ 2.82% เป็นการปิดสัปดาห์ในแดนบวก 2 สัปดาห์ ติดต่อกัน
ปัจจัยที่หนุนราคาทองคำให้เพิ่มสูงขึ้นมาจาก
สหรัฐฯ ประกาศตัวเลขดัชนีเงินเฟ้อฝั่งผู้บริโภค หรือ CPI เดือน ม.ค. พุ่งแตะ 7.5% สูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้ราคาทองคำขยับขึ้นมาแตะระดับ 1,841 ดอลลาร์ ในช่วงดึก ๆ ของคืนวันพฤหัส ก่อนที่ในช่วงกลางวันของวันศุกร์ ราคาทองคำขยับลดลงมาเคลื่อนไหวในกรอบ 1,820-1,830 ดอลลาร์ ก่อนที่ในช่วงค่ำ ราคาได้ขยับเพิ่มมาอยู่แนว 1840 ดอลลาร์ หลังมีการประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ที่ลดลงจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น
จนกระทั่งในช่วง 01.00 น. ราคาทองคำได้พุ่งแรง
จากระดับ 1,836 ดอลลาร์ ขึ้นไปแตะระดับ 1,865 ดอลลาร์ สูงสุดในรอบ เกือบ 3 เดือน ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 1858 ดอลลาร์ เมื่อดูตัวเลขเฉพาะวันศุกร์ บวกกว่า 30 ดอลลาร์ หรือบวก 1.73%
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำดีดตัวแรงในช่วงดึกคืนวันศุกร์
มาจากที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ ออกมาระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่รัสเซียอาจจะบุกยูเครนในสัปดาห์หน้า ขณะที่ การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวในปักกิ่งยังคงดำเนินต่อไป จากนั้นมีรายงานว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้โทรศัพท์หารือกัน แต่ผลการหารือไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
ขณะที่ ทำเนียบเครมลิน ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า สหรัฐฯ หวาดกลัวเกินเหตุ เกี่ยวกับประเด็นความขัดแย้งในยูเครน แต่ก็ยืนยันว่า ประธานาธิบดีของทั้ง 2 ประเทศ ต่างเห็นพ้องร่วมกันว่า จะเดินหน้าเจรจากันเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ต่อไป ทำให้จะต้องติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ Edward Moya นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าวว่า หากสถานการณ์ยังคงตรึงเครียด และมีการเคลื่อนตัวของทหาร ราคาทองคำอาจทะลุระดับ 1,900 ดอลลาร์ ต่อออนซ์ ได้
ส่วนประเด็นที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า (14-18 ก.พ.)
ทาง YLG มองว่า ยังมีความกังวลกังวลว่าตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่พุ่งขึ้นสูงกว่าการคาดการณ์ จะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แนะนำติดตามถ้อยแถลงของเจ้าหน้าเฟด เพื่อชี้นำการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินของเฟด ได้แก่ ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์, ประธานธนาคารเฟดคลีฟแลนด์, ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ และ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก
นอกจากนั้น ยังต้องรอดูรายงานการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐฯ (FOMC) ในการประชุมระหว่างวันที่ 25-26 มีนาคม หลังจากเฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มี.ค.
ขณะที่ Fed Watch Tool ของ CME Group สะท้อนโอกาสถึง 85% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือน มี.ค.
ที่สำคัญคือ ความขัดแย้งกับรัสเซียเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ยูเครน ทั้งนี้ นางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ มีกำหนดเข้าพบปะกับชาติพันธมิตรของสหรัฐฯ ในการประชุมด้านความมั่นคงมิวนิก ขณะที่รัสเซียได้ตรึงกำลังทหารราว 130,000 นายประชิดชายแดนยูเครน พร้อมกับรถถัง และขีปนาวุธ
หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ ซื้อ-ขาย หรือ ลงทุน หรือ เป็นเครื่องมือทางการเงินอื่น ๆ และอาจจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และ หรือ ความเสียหาย ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.