YLG เผยไตรมาส 3 ราคาทองคำสุดร้อนแรงบวกถึง 6% พร้อมเกิดเหตุการณ์สำคัญราคาพุ่งแตะระดับ $2,075 ทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ ก่อนดิ่งแรงกว่า $100 ในวันเดียวมากสุดในประวัติศาสตร์เช่นกัน
วายแอลจี กรุ๊ป สรุปการเคลื่อนไหวราคาทองคำในไตรมาส 3 ปี 2563 โดยเผิดตลาดวันแรก เมื่อวันที่ 1 ก.ค. บริเวณ 1,780.41 ดอลลาร์ จากนั้นราคาทองคำทะยานขึ้นฝ่าแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ได้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 9 ปี โดยไปทดสอบ 1,818 ดอลลาร์ในระหว่างการซื้อขายของวันพุธที่ 8 ก.ค. เพราะได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย อาทิ ความวิตกการระบาดของ COVID-19 ในสหรัฐระลอกใหม่ รวมกับความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเรื่องต้นตอการระบาดของ COVID-19 ,การเมืองในฮ่องกง, การตอบโต้ด้วยการปิดสถานกงสุลระหว่างกัน ไปจนถึงประเด็นทะเลจีนใต้ ช่วยกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย
แม้ว่าจะมีแรงขายสลับมาบ้างในเดือนก.ค. จากปัจจัยลบ อาทิ ความคืบหน้าการผลิตวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 และยารักษา ไวรัส COVID-19 ส่งผลให้แรงซื้อทองคำเริ่มชะลอตัวลง แต่การปรับตัวลงของราคายังอยู่ในกรอบจำกัด เพราะปัจจัยบวกที่มียังคงอยู่ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกและรัฐบาลต่างๆ ต้องฉีดเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดการณ์ว่าจะเงินเฟ้อและนำมาสู่การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์
ขณะที่ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงดอกเบี้ยระดับต่ำที่ 0.00-0.25% และย้ำถึงความตั้งใจคงอัตราดอกเบี้ยระดับใกล้ 0% ต่อไปจนกว่าเศรษฐกิจจะสามารถยืนหยัดรับมือกับเหตุการณ์ต่างๆ ได้ และอยู่บนเส้นทางแห่งการบรรลุเป้าหมายจ้างงานสูงสุดและเสถียรภาพด้านราคา
ทั้งนี้ Jerome Powell ประธานเฟด แสดงความวิตกว่า การระบาดของโควิด-19เป็นตัวฉุดรั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐ และกล่าวว่า “เราจะใช้ทุกเครื่องมือที่มีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจของเราในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายแบบนี้” ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง และปิดตลาดในเดือน ก.ค.ด้วยการพุ่งขึ้นเกือบ 11% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นในรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ ก.พ. ปี 2016 รับแรงหนุนจากดัชนีดอลลาร์ร่วงลงมากกว่า 4% ในเดือนก.ค.
แต่ราคาทองคำไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น และทะยานขึ้นต่อเนื่องในช่วงสัปดาห์แรกของเดือน ส.ค.ขึ้นไปทำระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ที่ 2,075 ดอลลาร์ ในระหว่างการซื้อขายของวันศุกร์ที่ 7 ส.ค. ท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงขึ้น
ขณะเดียวกันมีแรงซื้อพันธบัตรในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย กดดันบอนด์ยีลด์สหรัฐ และกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ย นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับเงินเฟ้อ จากการคาดการณ์ว่าสหรัฐเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังรอบใหม่ จึงช่วยกระตุ้นแรงซื้อทองคำเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นไม่นานราคาทองคำจะดิ่งลงอย่างหนัก เนื่องมาจากมีข่าวดีเกี่ยวกับวัคซีนต้านCOVID-19 หลังรัสเซียประกาศว่าได้อนุมัติวัคซีนต้าน COVID-19 เป็นประเทศแรกของโลก กดดันราคาให้ดิ่งลงอย่างหนักมากถึง 116 ดอลลาร์ หรือ -5.69% ในวันที่ 11 ส.ค. ซึ่งถือเป็นการดิ่งลงในวันเดียวมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์
จากนั้นวันรุ่งขึ้น(12 ส.ค.)ราคาทองคำได้ลงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,862 ดอลลาร์ ก่อนจะมีแรงซื้อกลับเข้ามาหนุนให้ราคาดีดตัวขึ้นเหนือ 1,900 ดอลลาร์อีกครั้ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนทั้งทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงรายล้อมตลาด และปิดตลาดเดือนส.ค.บริเวณ 1,954 ดอลลาร์ ส่งผลให้ภาพรวมเดือนส.ค.ราคาทองคำปิดตลาดในแดนลบเล็กน้อยประมาณ -1.26 %
มาถึงเดือนกันยายนราคาทองคำได้ร่วงลงอีกครั้ง แม้ว่าราคาทองคำจะพุ่งขึ้นตั้งแต่วันแรก โดยขึ้นไปทำระดับสูงสุดบริเวณ 1,992.63 ดอลลาร์ หลังเฟดประกาศเปลี่ยนกรอบนโยบายด้านเงินเฟ้อของเฟดไปเป็น “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” อย่างไรก็ดีราคาทองคำไม่สามารถรักษาแรงบวกไว้ได้ โดยได้รับแรงกดดันหลายประการทั้งดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นขานรับตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ออกมาดเกินคาด , การอ่อนค่าของสกุลเงินปอนด์จากความวิตกกรณี No-deal Brexit และ ข่าวดีเรื่องของวัคซีนต้าน COVID-19 กดดันราคาดิ่งลงแตะ 1,906 ดอลลาร์ในระหว่างการซื้อขายของวันที่ 8 ก.ย.
อย่างไรก็ดีราคาทองคำได้ฟื้นตัวขึ้น ขานรับนางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป(ECB) มองบวกต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซน และไม่ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรแต่อย่างใด ประกอบกับดอลลาร์อยู่ภายใต้แรงกดดันก่อนทราบผลการประชุมเฟดในช่วงกลางเดือน จนกระทั่งราคาขึ้นไปทดสอบ 1,973 ดอลลาร์หลังการประชุมเฟดเสร็จสิ้น
แต่แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ราคาทองคำไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้ หลังเฟดมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากขึ้น นอกจากนี้ผลการประชุมของธนาคารอังกฤษ ส่งสัญญาณใช้อัตราดอกเบี้ยติดลบหากจำเป็น ก่อนที่ราคาทองคำจะดิ่งลงแรงทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,847.90 ดอลลาร์ในวันที่ 24 ก.ย. ท่ามกลางแรงซื้อดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัย หนุนดัชนีดอลลาร์ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 94.74 จุด หลังเกิดแรงเทขายอย่างหนักในตลาดสินทรัพย์เสี่ยงจากข่าวหลายประเด็น อาทิ ความวิตกเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์รอบสองในยุโรป ความวิตกเกี่ยวกับการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหม่ รวมทั้งข่าวที่ว่าธนาคารหลายแห่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโอนเงินผิดกฎหมาย ก่อนที่จะฟื้นขึ้นมาปิดตลาดเดือนก.ย.บริเวณ 1,880.50 ดอลลาร์
ทั้งนี้ในภาพรวมราคาทองคำเดือน ก.ย.ให้ผลตอบแทนเป็นลบ โดยร่วงลงกว่า -4% ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงในรายเดือนที่มากที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค.ปี 2016 หรือในรอบ 4 ปี อย่างไรก็ตามหากคิดเป็นรายไตรมาสแล้ว ราคาทองคำให้ผลตอบแทนมากถึง 6% ในไตรมาส3 /2020 ซึ่งยังคงถือเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนให้ความสนใจ ท่ามกลางความผันผวนและความไม่แน่นอนต่างๆทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ยังคงรายล้อมตลาด
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.