หลังจากที่การประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ เดือน ส.ค. ออกมาต่ำเกินคาด ทำให้นักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะยังไม่ประกาศแผนการลด QE ในการประชุม FOMC ในช่วงปลายเดือนนี้
อย่างไรก็ดี ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีประธานเฟดหลายสาขา ได้ออกมาหนุนให้เดินหน้าลด QE โดยมองว่า ตัวเลขการจ้างงานเดือน ส.ค. ที่ออกมาแย่ อาจมาจากความผันผวนระยะสั้น แต่ภาพรวมทั้งปีตัวเลขการจ้างงานยังดูดี
นายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขานิวยอร์ก กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อถึงระดับที่ต้องการแล้ว ส่วนเรื่องการจ้างงานได้ให้ความสำคัญกับตัวเลขการจ้างงานภาพรวมมากกว่าตัวเลขเดือนต่อเดือน
โดยจะดูตัวชี้วัดต่าง ๆ ทั้งอัตราส่วนการจ้างงานต่อประชากร และอัตราการมีส่วนร่วมของกำลังแรงงาน เพื่อดูข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตลาดแรงงาน พร้อมระบุว่า หากตัวเลขเศรษฐกิจดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามที่คาดการณ์ ก็มองว่าเหมาะสมที่จะเริ่มลดการซื้อสินทรัพย์ในปีนี้
ทั้งนี้ ประธานเฟดสาขานิวยอร์ก ยอมรับว่าการแพร่กระจายของ “เชื้อโควิด-19 เดลต้า” ได้เริ่มกดดันการใช้จ่ายของผู้บริโภค และการเติบโตของการจ้างงาน โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเติบโตประมาณ 6% ในปีนี้ หลังจากปรับค่าเงินเฟ้อแล้ว และคาดว่าในปีหน้าเงินเฟ้อจะค่อย ๆ ลดลงเหลือประมาณ 2%
ขณะที่ นางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาคลีฟแลนด์ มองว่าแม้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ในปีนี้ยังคงอยู่ในระดับสูง แต่เชื่อว่าจะปรับตัวลงในปีหน้า
ทั้งนี้ เฟดควรสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับแนวทางการประเมินเงินเฟ้อ และการจ้างงานที่เต็มศักยภาพ และควรให้ข้อมูลที่มากขึ้นในแถลงการณ์ หลังการประชุมเกี่ยวกับเหตุผลของการที่เฟดเปลี่ยนมุมมองทางเศรษฐกิจ
ขณะที่ ราฟาเอล บอสติก ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา ระบุว่า การระบาดของ COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าเป็นตัวชะลอแนวโน้มความคืบหน้าของเศรษฐกิจในสหรัฐฯ แต่ไม่ได้ทำให้เศรษฐกิจหยุดนิ่ง หรือ ทำให้อัตราการเติบโตลดลง และยังมองในด้านบวกถึงสถานะของเศรษฐกิจในปัจจุบัน และความเสี่ยงทั้งหมดที่คงอยู่ในระบบ
ส่วนที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า เฟด อาจจะเลื่อนการลดการทำ QE ออกไป ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตา มองว่าคงจะมีการพูดถึงเรื่องการลด QE ในการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลาง (FOMC) ครั้งถัดไป และมองว่าปีนี้จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ
ก่อนหน้านี้ เจมส์ บูลลาดร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขา เซนต์หลุยส์ ก็ออกมาแสดงความเห็นว่า การลด QE ควรจะเริ่มในปีนี้ และจะไปสิ้นสุดในช่วงครึ่งแรกของปีหน้า
พร้อมเสนอว่า ในการพิจารณาเรื่องการจ้างงานไม่ควรใช้ตัวเลขการจากเดือน ส.ค. เพียงเดือนเดียว แต่น่าจะใช้ตัวเลขเฉลี่ยที่ระดับ 500,000 ต่อเดือน ในปีนี้แทน
พร้อมระบุ มีความต้องการแรงงานจำนวนมาก และมีตำแหน่งงานมากกว่าจำนวนคนว่างงาน ดังนั้น หากสามารถจับคู่คนกับงานได้ และควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดได้ดีกว่านี้ มองว่าตลาดแรงงานในปีหน้าจะแข็งแกร่งมาก
อ้างอิง reuters.com และ ft.com
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.