ทองปิดลบในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนธ.ค.
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น ซึ่งนักลงทุนยังซึมซับที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุล ทางด้านข้อมูล CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 71% ในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตามในคืนนี้นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 1.17 ตันจากเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 426,000 ราย หลังจากที่เพิ่มขึ้น 210,000 รายในเดือนพ.ย. และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.1% จากเพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนพ.ย.
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ราคาทองคำมีโอกาสปรับลดลงได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ และ 1,815 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,790.70 | -19.0 | 1,780/1,770 | 1,800/1,815 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,550 | -50 | 28,400/28,250 | 28,750/28,850 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,580 | -20 | 28,420/28,270 | 28,720/28,840 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,420 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,270 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,792.20 | -6.50 | 1,781/1,771 | 1,801/1,816 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,781 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,771 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเมื่อวานนี้ ปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า หลังเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลก นอกจากนี้สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศได้ส่อยกระดับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทคาดว่าอ่อนค่ามายังบริเวณ 33.60 บาท/ดอลลาร์ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 33.23 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์
News
เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด-ลดถือครองสินทรัพย์ หวังสกัดเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันพุธ (5 ม.ค.) โดยระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ทั้งหมดด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ “กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ, ภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น หรือรวดเร็วกว่าที่กรรมการเฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการเฟดบางส่วนมองว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชี (Balance Sheet) ของเฟดในทันทีหลังจากที่มีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” เฟดระบุในรายงานการประชุมประจำวันที่ 14-15 ธ.ค. 2564 รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเจ้าหน้าที่เฟด (Dot Plot) บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2566
ที่ปรึกษา CDC ลงมติหนุนฉีดไฟเซอร์-ไบออนเทคเข็มบูสเตอร์แก่เด็ก 12-15 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ได้ลงมติ 13 ต่อ 1 เพื่อแนะนำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ สนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และไบออนเทค เอสอี ให้แก่เด็กอายุ 12-15 ปี อย่างน้อย 5 เดือนหลังจากได้รับเข็ม 2 แล้ว ACIP ยังระบุด้วยว่า CDC ควรสนับสนุนคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับวัยรุ่นอายุ 16-17 ปีด้วย โดยก่อนหน้านี้ทาง CDC อนุมัติให้วัยรุ่นช่วงอายุดังกล่าวสามารถฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ได้แล้ว แต่ไม่ได้ให้คำแนะนำว่า วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ตลอดจนพนักงานและเด็กนักเรียนจำนวนมากกลับมาทำงานหรือเรียนหนังสือตามปกติหลังผ่านพ้นช่วงวันหยุด ทำให้ระบบสาธารณสุขเสี่ยงแบกรับภาระหนัก กิจการและโรงเรียนต่าง ๆ ส่อแววต้องปิดทำการสูงขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลที่นำเสนอในที่ประชุมชี้ให้เห็นว่า เด็กอายุ 12-15 ปีที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ไปแล้ว 5-6 เดือนนั้น ติดเชื้อโอมิครอนในอัตราเดียวกับเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน แต่หลังจากได้รับเข็มบูสเตอร์แล้ว อัตราการติดเชื้อลดลงอย่างรวดเร็ว
แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาวเตือนสหรัฐอย่าประมาทไวรัสโอมิครอน
นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐไม่ควรประเมินไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนต่ำเกินไป แม้ไวรัสดังกล่าวมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุก่อนหน้านี้ว่า มีหลักฐานมากขึ้นที่แสดงว่าไวรัสโอมิครอนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนเท่านั้น ซึ่งทำให้ไวรัสดังกล่าวมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น นายแพทย์เฟาชีกล่าวว่า “แม้ไวรัสโอมิครอนจะมีความรุนแรงไม่มากนัก แต่ก็มีความสามารถแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์อื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข ทำให้โรงพยาบาลไม่มีจำนวนเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก และทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงในที่สุด” สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 58 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 850,000 ราย
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.