Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 5 ก.ย.65 by YLG

- Advertisement -

351

- Advertisement -

คำแนะนำ       เปิดสถานะซื้อ $1,700-1,688

จุดทำกำไร    ขายเพื่อทำกำไร $1,719-1,737

ตัดขาดทุน     ตัดขาดทุนสถานะซื้อหากหลุด $1,676

แนวรับ : 1,688 1,676 1,658  แนวต้าน : 1,719 1,737 1,755

สรุป

- Advertisement -

ราคาทองวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 16.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำค่อยๆฟื้นตัวขึ้นโดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อ Buy the dip หลังจากราคาทองคำเข้าสู่ภาวะขายมากเกินไป(Oversold) ก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. แม้จะดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ก็ชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า

ขณะที่อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 3.7% ส่วนรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงานดีดตัวขึ้น 0.3% น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% สถานการณ์ดังกล่าวลดแรงกดดันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้นักลงทุน “ลด” การคาดการณ์ที่ว่า เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75bps ในเดือนก.ย. สะท้อนจาก FedWatch Tool บ่งชี้ว่า มีโอกาส 58% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 75bps ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. ซึ่งลดลงจากโอกาส 74% ในช่วงก่อนการเปิดเผยตัวเลขในตลาดแรงงาน ขณะที่โอกาสที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ย 50 bps เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 42% จากระดับ 25% ในวันพฤหัสบดี นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปีร่วงลงในวันศุกร์ หลังจากพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี จนเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำให้ฟื้นตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,717.82 ดอลลาร์ต่อออนซ์

ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -0.29 ตัน สำหรับวันนี้ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ ขณะที่ปริมาณซื้อขายในช่วงตลาดสหรัฐจะเบาบางกว่าปกติ เนื่องจากตลาดเงิน ตลาดทุนและตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันแรงงาน (Labor Day)

ข่าวสารประกอบการลงทุน

  • (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 337.98 จุด วิตกวิกฤตพลังงานยุโรป ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลดลงในวันศุกร์ (2 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับวิกฤตพลังงานในยุโรป หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในช่วงแรกขานรับการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ตลาดแรงงานอาจเริ่มชะลอตัวลง ซึ่งลดแรงกดดันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,318.44 จุด ลดลง 337.98 จุด หรือ -1.07%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,924.26 จุด ลดลง 42.59 จุด หรือ -1.07% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,630.86 จุด ลดลง 154.26 จุด หรือ -1.31%
  • (+) ดอลลาร์อ่อนค่า หลังสหรัฐเผยข้อมูลจ้างงานชะลอตัว ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันศุกร์ (2 ก.ย.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. ซึ่งลดแรงกดดันที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะต้องเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.15% แตะที่ระดับ 108.5320 ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยนที่ระดับ 140.12 เยน จากระดับ 140.20 เยน, อ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิสที่ระดับ 0.9803 ฟรังก์ จากระดับ 0.9822 ฟรังก์ และดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.3124 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3165 ดอลลาร์แคนาดา ส่วนยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 0.9968 ดอลลาร์ จากระดับ 0.9947 ดอลลาร์, เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.1513 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1539 ดอลลาร์
  • (+) บอนด์ยีลด์สหรัฐร่วงหลุด 3.5% หลังสหรัฐเผยจ้างงานชะลอตัว อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลงในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันต่อธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อนโยบายการเงินของเฟดร่วงลงในวันนี้ หลังจากพุ่งขึ้นเหนือระดับ 3.5% แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อวานนี้ ณ เวลา 20.31 น.ตามเวลาไทย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 2 ปี ร่วงลงสู่ระดับ 3.424% หลังจากพุ่งแตะระดับ 3.55% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2550 ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 5 ปี อยู่ที่ระดับ 3.325% ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี อยู่ที่ระดับ 3.227%
  • (+) สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลงในเดือนก.ค. สวนทางคาดการณ์ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐร่วงลง 1.0% ในเดือนก.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.8% ในเดือนมิ.ย.
  • (+) นักลงทุนลดคาดการณ์เฟดขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เดือนก.ย. หลังจ้างงานชะลอตัว นักลงทุนลดการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมกำหนดนโยบายการเงินในเดือนก.ย. หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ชะลอตัวลงในเดือนส.ค. ช่วยลดแรงกดดันต่อเฟดในการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 62.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนัก 38.0% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%
  • (-) เซเลนสกี เตือน ยุโรปเตรียมรับฤดูหนาวอันยากลำบาก หลังรัสเซียหยุดจ่ายก๊าซธรรมชาติ ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์เซเลนสกีแห่งยูเครนเตือนประเทศในสหภาพยุโรปให้เตรียมรับมือกับฤดูหนาวอันยากลำบากหลังจากที่รัสเซียตัดการส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นการตอบโต้ยุโรปที่สนับสนุนรัฐบาลเคียฟในการต่อสู้กับการรุกรานของรัสเซีย ผู้นำยูเครน กล่าวในวันเสาร์ว่า “รัสเซียกำลังเตรียมการโจมตีด้านพลังงานครั้งสำคัญกับทุกประเทศในยุโรปในฤดูหนาวปีนี้” หลังจากรัสเซียคว่ำแผนการกลับมาเปิดท่อส่งก๊าซหลักของยุโรปเมื่อวันเสาร์ ซึ่งรัฐบาลมอสโกอ้างว่าเป็นปัญหาด้านเทคนิค ขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปต่างกล่าวหารัสเซียว่าพยายามทำให้การส่งก๊าซเป็นอาวุธทางเศรษฐกิจ   
  • (+/-) สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรชะลอตัวจากเดือนก.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 315,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. ใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 300,000 ตำแหน่ง และชะลอตัวจากระดับ 526,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. ส่วนอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.5% ในเดือนก.ค. กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิ.ย. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 293,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 398,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 526,000 ตำแหน่ง จากเดิมรายงานว่าเพิ่มขึ้น 528,000 ตำแหน่ง กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่าภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 308,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานเพิ่มขึ้น 7,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.3% เมื่อเทียบรายเดือน และเพิ่มขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี

- Advertisement -

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More