Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.พ.65 by YLG

- Advertisement -

345

- Advertisement -

คำแนะนำ       เปิดสถานะขาย 1,815-1,810

จุดทำกำไร     ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,793-1,788

ตัดขาดทุน     ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,815

แนวรับ : 1,788 1,771 1,753  แนวต้าน : 1,815 1,834 1,849

สรุป

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 1.56 ดอลลาร์ต่อออนซ์ วานนี้ราคาทองคำเคลื่อนไหวผันผวนหลังผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) และธนาคารกลางยุโรป(ECB) เนื่องจากผลการประชุมส่งผลต่อทั้งตลาดพันธบัตรและตลาดเงิน ซึ่งกระทบต่อทองคำทั้งทางบวกและทางลบ ดังนี้ BoE มีมติ 5-4 “ขึ้น” ดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 0.5% ตามคาด ขณะที่ ECB มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ตามคาด แต่นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ได้กล่าวยอมรับว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น และเมื่อถูกถามว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ยังคง “ไม่น่าเป็นไปได้(Very Unlikely)” ดังเช่นที่เคยระบุหรือไม่ นางลาการ์ด เลี่ยงที่จะกล่าวย้ำความคิดเห็นในอดีต และกล่าวว่า ECB จะประเมินเงื่อนไขอย่างรอบคอบและการตัดสินใจ “ขึ้นอยู่กับข้อมูล” ทำให้ตลาดตีความว่าเป็นการเปลี่ยนจุดยืนไปในเชิง Hawkish เพื่อเปิดทางสำหรับการขึ้นดอกเบี้ยในอนาคต ผลจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นในอังกฤษและยูโรโซน ส่งผลหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอิตาลี, เยอรมนี, อังกฤษ และสหรัฐให้พุ่งขึ้นจนเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย ทำให้ทองคำร่วงหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์และทดสอบระดับต่ำสุดบริเวณ 1,788.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อย่างไรก็ดี แนวโน้มดังกล่าวส่งผลให้เงินปอนด์และเงินยูโรแข็งค่าขึ้นซึ่งกดดันดัชนีดอลลาร์ ให้อ่อนค่าลงในรายวันมากที่สุดนับตั้งแต่พ.ค. 2021 จนเป็นปัจจัยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวมาปิดตลาดเหนือ 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ในที่สุด ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.75 ตัน สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน, และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยคำสั่งซื้อภาคโรงงานลดลงมากกว่าคาดในเดือนธ.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 0.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.8% ในเดือนพ.ย.
  • (+) นาโตเผยรัสเซียเคลื่อนกำลังพล 3 หมื่นนายพร้อมอาวุธไปยังเบลารุส  สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียสั่งเคลื่อนกำลังพลราว 30,000 นาย พร้อมอาวุธสมัยใหม่เข้าสู่เบลารุสในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยนับเป็นการเคลื่อนกำลังทหารมากที่สุดไปยังประเทศดังกล่าวหลังสิ้นสุดสงครามเย็น
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.59% แตะที่ 95.35 เมื่อคืนนี้
  • (+) ดาวโจนส์ปิดร่วง 518.17 จุด, Nasdaq ดิ่งกว่า 3.7% ผิดหวังผลประกอบการเฟซบุ๊ก  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดในวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ดิ่งลงกว่า 3.7% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2563 หลังจากบริษัทเมตา แพลตฟอร์มส์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเฟซบุ๊ก เปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวัง ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นเฟซบุ๊กทรุดตัวลงกว่า 26% และฉุดหุ้นบริษัทเทคโนโลยีและโซเชียลมีเดียรายอื่น ๆ ดิ่งลงด้วย  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,111.16 จุด ลดลง 518.17 จุด หรือ -1.45%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,477.44 จุด ลดลง 111.94 จุด หรือ -2.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,878.82 จุด ลดลง 538.73 จุด หรือ -3.74%
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 238,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว โดยต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 245,000 ราย และต่ำกว่าตัวเลขที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 261,000 ราย
  • (-) ISM เผยดัชนีภาคบริการสหรัฐร่วงต่ำสุดรอบ 11 เดือนในม.ค.  สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 59.9 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2564 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 59.5 หลังจากแตะระดับ 62.3 ในเดือนธ.ค.
  • (-) ดัชนี PMI ภาคบริการสหรัฐต่ำสุดรอบ 18 เดือนในม.ค.  ไอเอชเอส มาร์ เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 51.2 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 57.6 ในเดือนธ.ค.
  • (+/-) ECB มีมติคงดอกเบี้ยตามคาด แม้เงินเฟ้อพุ่งนิวไฮ  ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB  ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%  ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในเดือนมี.ค.
  • (+/-) ECB ส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย หลังยอมรับเงินเฟ้อพุ่งมากกว่าคาด  นางคริสติน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการแถลงข่าวหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของ ECB ในวันนี้  ทั้งนี้ นางลาการ์ดกล่าวยอมรับว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงของแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะในระยะใกล้ ขณะที่การขยายตัวของราคาในยูโรโซนเริ่มอยู่ในวงกว้างมากขึ้น  “ขณะนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว” นางลาการ์ดกล่าว  ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า ECB ไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ใช่หรือไม่ นางลาการ์ดกล่าวว่า ECB จะทำการประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง และการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ ECB ได้รับ  ท่าทีของนางลาการ์ดในวันนี้ถือว่าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ซึ่งได้เคยส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
  • (+/-) BoE ประกาศขึ้นดอกเบี้ยสู่ระดับ 0.50% ในการประชุมวันนี้ตามคาด  ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมวันนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้  การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายดังกล่าวถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2547  นอกจากนี้ BoE ยังคาดการณ์ในวันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษจะแตะระดับสูงสุดที่ 7.25% ในเดือนเม.ย.  ขณะเดียวกัน BoE มีมติเอกฉันท์ให้ลดขนาดงบดุลจากวงเงิน 8.95 แสนล้านปอนด์ โดยจะปล่อยให้พันธบัตรที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หมดอายุลงโดยไม่มีการนำรายได้ดังกล่าวมาลงทุนซื้อพันธบัตรใหม่

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More