ทองปิดลบ ถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลพุ่งขึ้น
คืนนี้สหรัฐเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค.
ราคาทองคำระยะสั้นอาจเคลื่อนไหว Sideways
- ราคาทองคำ Spot ปิดลบเล็กน้อย ซึ่งได้รับแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นระดับสูงสุด 1.841% ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ บริเวณระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีกว่า ๆ อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับลดลงไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ในคืนนี้ หลังจากที่ตัวเลขการจ้างสหรัฐภาคเอกชนที่เปิดเผยออกมาเมื่อวันพุธที่ผ่านมานั้นออกมาอ่อนแอกว่าคาดการณ์ไว้มาก ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 1.75 ตันจากเมื่อวานนี้
- คืนนี้สหรัฐเปิดเผยการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. ตลาดคาดว่าจะลดลง 110,000 ตำแหน่ง จาก 199,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. ค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนม.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% จากเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนธ.ค. และอัตราการว่างงานเดือนม.ค. ตลาดคาดว่าจะทรงตัวที่ 3.9%
- แนวโน้มราคาทองคำ spot คาดว่ามีทิศทางเป็นขาลง อย่างไรก็ตามในสัปดาห์นี้อาจมีปริมาณการซื้อขายทองคำที่เบาบางลง เนื่องจากเป็นวันหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีนของประเทศจีน ส่งผลให้ราคาทองคำระยะสั้นอาจเคลื่อนไหว Sideways โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,790 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,780 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,810 ดอลลาร์ และ 1,820 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | Support | Resistance |
1,804.40 | 1,790/1,780 | 1,810/1,820 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | Support | Resistance |
28,350 | 28,200/28,000 | 28,500/28,600 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | Support | Resistance |
28,400 | 28,330/28,220 | 28,630/28,720 |
แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคาทอง Spot ที่ 1,810 ดอลลาร์ (GF 28,630 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,820ดอลลาร์ (GF 28,720 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | Support | Resistance |
1,808.60 | 1,782/1,772 | 1,812/1,822 |
แนะนำเปิดสถานะขายบริเวณราคา GOH22 ที่ 1,812 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,822 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทกลับมาแข็งค่าติดต่อกัน 4 วัน ซึ่งเคลื่อนไหวทิศทางเดียวกับตลาดโลก เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ทั้งนี้ระยะสั้นแนวโน้มค่าเงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 33 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.42 บาท/ดอลลาร์
News
FDA เตรียมพิจารณาขออนุมัติใช้วัคซีนโควิดของไฟเซอร์ในเด็กเล็ก
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐ เตรียมประชุมทางไกลกับกลุ่มที่ปรึกษาในวันที่ 15 ก.พ. เพื่อหารือเรื่องคำขออนุมัติการใช้ในกรณีฉุกเฉิน (EUA) กับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปี ไฟเซอร์และไบออนเทคได้เริ่มขั้นตอนการยื่นรายงานต่อ FDA เพื่อแก้ไขคำขอ EUA เพื่อให้ใช้วัคซีนในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 4 ปีได้ บริษัททั้งสองคาดว่าจะเสร็จสิ้นขั้นตอนการยื่นขอ EUA ในไม่กี่วันนี้ โดยเป็นการยื่นขอใช้วัคซีนขนาด 3 ไมโครกรัมจำนวน 2 โดส จากแผนที่จะฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 โดสในกลุ่มอายุดังกล่าว สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโดส 3 จะเสร็จสิ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และจะยื่นเรื่องต่อ FDA เพื่อสนับสนุนการปรับปรุงคำขอ EUA นี้ โดยวัคซีนโดส 3 จะฉีดหลังจากได้รับวัคซีนโดส 2 แล้วอย่างน้อย 8 สัปดาห์ ทั้งนี้ FDA อนุมัติให้ใช้วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคในเด็กอายุ 5-11 ปีในเดือนต.ค. 2564 และไม่นานมานี้ได้อนุมัติการใช้วัคซีนดังกล่าวเป็นเข็มบูสเตอร์ในกลุ่มอายุ 12-15 ปีขึ้นไป
ยูเครนเตือนจะเกิดสงครามเต็มอัตราศึกและโศกนาฏกรรมในยุโรป หากรัสเซียโจมตี
ประธานาธิบดีวอลอดีเมอร์ เซอเลนสกีแห่งยูเครนเตือนว่า การสู้รบกับรัสเซีย ซึ่งตรึงกำลังทหารกว่า 100,000 นายตามแนวชายแดน จะลุกลามจนกลายเป็นสงคราม “เต็มอัตราศึก” และจะส่งผลกระทบต่อทั้งทวีปยุโรป “หากการสู้รบเปิดฉากขึ้น ย่อมหนีไม่พ้นโศกนาฏกรรม โดยจะไม่ใช่สงครามระหว่างยูเครนและรัสเซีย แต่เป็นสงครามในยุโรป สงครามเต็มอัตราศึก เพราะไม่มีใครยอมสละดินแดนและประชาชนอีกต่อไป” สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในวันอังคารที่ 1 ก.พ. ปธน.เซอเลนสกีได้ลงนามคำสั่งเสริมสรรพกำลังกองทัพของยูเครนด้วยการเพิ่มจำนวนทหาร 100,000 นายในช่วง 3 ปีข้างหน้าและวางแผนเพิ่มเงินเดือนของทหาร อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าใกล้จะทำสงครามกับรัสเซีย “การออกคำสั่งนี้ไม่ใช่เพราะเราใกล้ทำสงคราม…แต่เพื่อรักษาสันติภาพในอนาคตของยูเครน” โดยปัจจุบัน ยูเครนด้อยกว่ารัสเซียทั้งในแง่ของกำลังพลและอาวุธยุทโธปกรณ์ ยูเครนไม่ได้เป็นสมาชิกสหภาพยุโรป (EU) หรือองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) แต่มีรัฐบาลที่สนับสนุนชาติตะวันตกและสหรัฐ ขณะที่ EU และนาโตต้องการป้องกันยูเครนจากการถูกรัสเซียครอบงำด้วยการใช้กำลัง
“ไบเดน” จ่อแวะหลายประเทศระหว่างทริปเดินทางเยือนเอเชีย
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า ปธน.โจ ไบเดน วางแผนที่จะแวะเดินทางไปหลายประเทศในระหว่างทริปเยือนเอเชียช่วงฤดูไม้ใบผลินี้ ซึ่งนับเป็นการเดินทางเยือนเอเชียครั้งแรกนับตั้งแต่เขาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยจะมีการประชุมร่วมกับ 3 ชาติพันธมิตรหลักในญี่ปุ่นด้วย อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายชื่อของประเทศอื่น ๆ ที่ผู้นำสหรัฐวางแผนแวะเดินทางในระหว่างทริปเยือนเอเชีย แต่ยังคงเน้นย้ำว่า เป้าหมายของการเดินทางครั้งนี้คือการต่อสู้กับอิทธิพลจีนที่แผ่ขยายอำนาจในเอเชีย ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนได้ตอบรับคำเชิญของญี่ปุ่นในการเดินทางไปร่วมประชุม Quad ช่วงปลายฤดูใบไม้ผลินี้ ซึ่งเป็นการรวมกลุ่มของ 4 ประเทศ ประกอบด้วยญี่ปุ่น สหรัฐ ออสเตรเลีย และอินเดีย แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับรอยเตอร์ว่า ทริปเดินทางครั้งนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนพ.ค. โดยจะเน้นหารือเกี่ยวกับประเด็นจีนและเกาหลีเหนือเป็นหลัก พร้อมกันนี้ ปธน.ไบเดนยังอาจเดินทางเยือนเกาหลีใต้ด้วย นอกจากนี้ สหรัฐยังมีแผนที่จะจัดการประชุมร่วมกับผู้นำจากชาติสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน (ASEAN) เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับชาติในเอเชียตามความมุ่งหมายของสหรัฐ ส่วนนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ เตรียมเดินทางเยือนออสเตรเลียในสัปดาห์หน้า เพื่อร่วมประชุม Quad กับรมว.ต่างประเทศของชาติสมาชิก
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.