Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 3 ธ.ค.64 by YLG

- Advertisement -

215

- Advertisement -

คำแนะนำ       ขาย $1,783-1,796

จุดทำกำไร     ซื้อคืนเพื่อทำกำไร $1,751

ตัดขาดทุน     ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,808

แนวรับ : 1,751 1,732 1,707  แนวต้าน : 1,783 1,796 1,808

สรุป  

- Advertisement -

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 12.83  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์  ที่แข็งค่าขึ้นขานรับการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกที่เพิ่มขึ้น 28,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย  สะท้อนว่า  ตลาดแรงงานของสหรัฐยังคงมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง  ปัจจัยดังกล่าวยิ่งกระตุ้นการคาดการณ์ที่ว่า  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้  ซึ่งจะเปิดทางให้เฟดสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยได้เร็วขึ้นกว่าเดิม  นอกจากนี้  ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงหนุนเพิ่ม  จากถ้อยแถลงในเชิง Hawkish หรือ เชิงสนับสนุนการคุมเข้มนโยบายการเงินของนางแมรี่ เดลี ประธานเฟดซานฟรานซิสโก  ที่กล่าววานนี้ว่า เฟดจำเป็นต้องเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจต่างๆ อยู่เสมอ และอาจถึงเวลาแล้วที่เฟดจะเริ่มจัดทำแผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ย  เพื่อรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่เหนือเป้าหมาย  ประกอบกับดัชนีดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ นำโดยแรงช้อนซื้อเก็งกำไร  หลังจากดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการ จนเป็นปัจจัยบั่นทอนความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม  ปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด  กดดันให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงทำระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนครั้งใหม่บริเวณ 1,761.92 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -4.65 ตัน  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานของสหรัฐ  ทั้งการจ้างงานนอกภาคการเกษตร, อัตราการว่างงาน  และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงาน  รวมไปถึงดัชนี PMI ภาคการบริการจากมาร์กิตและ ISM

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐพบผู้ติดเชื้อโอไมครอนอีก 5 รายในรัฐนิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐยันไม่ล็อกดาวน์  นางเคธี โฮชูล ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กแถลงยืนยันว่า พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนจำนวน 5 รายในนครนิวยอร์กซิตี้ โดยถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเย็นวานนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย  นางโฮซูลระบุว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโอไมครอนรายหนึ่งถูกพบในเขตซัฟโฟล์ค เคาตีในเมืองลองไอส์แลนด์ ส่วนอีก 4 รายนั้นถูกพบใน 3 เมืองของนิวยอร์กซิตี้ โดย 2 รายพบในเมืองควีนส์, 1 รายพบในเมืองบรูคลิน และอีก 1 รายพบในเมืองแมนฮัตตัน 
  • (-) สภาผู้แทนฯสหรัฐเตรียมโหวตร่างกม.เลี่ยงชัตดาวน์วันนี้ ก่อนถึงเส้นตายพรุ่งนี้  สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการลงมติต่อร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันนี้ เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายจนถึงวันที่ 18 ก.พ.2565 และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน  ทางด้านนางโรซา เดอลอโร ประธานคณะกรรมาธิการจัดสรรงบประมาณประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ กล่าวว่า แกนนำในสภาผู้แทนราษฎรสามารถบรรลุข้อตกลงกันแล้ว โดยการลงมติจะมีขึ้นในวันนี้ ก่อนถึงกำหนดเส้นตายในวันพรุ่งนี้  หากสภาผู้แทนราษฎรให้การอนุมัติร่างกฎหมายดังกล่าวในวันนี้ ก็จะส่งเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภาต่อไป ก่อนที่จะให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมายภายในวันพรุ่งนี้
  • (-) ดอลล์แข็งค่า คาดเฟดเร่งหั่น QE ปูทางขึ้นดอกเบี้ย  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เร็วกว่าที่คาดไว้ ซึ่งจะปูทางให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ขณะที่นักลงทุนจับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้  ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.13% แตะที่ 96.1540 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 113.16 เยน จากระดับ 112.80 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9208 ฟรังก์ จากระดับ 0.9204 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์สหรัฐทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2812 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 1.1296 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1317 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3297 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3280 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7088 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7111 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 617.75 จุด รับแรงช้อนซื้อ-หุ้นโบอิ้งหนุนตลาด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนช้อนซื้อเก็งกำไรหลังจากดาวโจนส์ร่วงลงอย่างหนักติดต่อกัน 2 วันทำการ นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากหุ้นโบอิ้งที่พุ่งขึ้นกว่า 7% หลังจีนอนุมัติการขึ้นบินของเครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,639.79 จุด เพิ่มขึ้น 617.75 จุด หรือ +1.82%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,577.10 จุด เพิ่มขึ้น 64.06 จุด หรือ +1.42% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,381.32 จุด เพิ่มขึ้น 127.27 จุด หรือ + 0.83%
  • (-) สถิติชี้หุ้นวอลล์สตรีทพุ่งแรงสุดในเดือนธ.ค. ลุ้น “ซานต้า แรลลี่” มาตามนัดปีนี้  แบงก์ ออฟ อเมริกา เปิดเผยว่า สถิติในอดีตบ่งชี้ว่า เดือนธ.ค.เป็นเดือนที่ตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้นร้อนแรงมากที่สุดของปี  ข้อมูลระบุว่า ดัชนี S&P 500 พุ่งขึ้นเฉลี่ย 2.3% ในเดือนธ.ค.นับตั้งแต่ปี 2479 และดัชนีปรับตัวเป็นบวกในเดือนธ.ค.คิดเป็นสัดส่วน 79% นับตั้งแต่ปีดังกล่าว  การดีดตัวขึ้นของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในเดือนธ.ค.ได้รับปัจจัยบวกจากปรากฎการณ์ “ซานต้า แรลลี่” ซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 7 วันทำการ โดยมีขึ้นในช่วง 5 วันทำการสุดท้ายของปีปัจจุบัน รวมทั้ง 2 วันแรกของปีใหม่  จากการรวบรวมสถิติการปรับตัวของตลาดหุ้นนิวยอร์กช่วง 7 วันของซานต้า แรลลี่ พบว่า ดัชนีดาวโจนส์สามารถปิดตลาดในแดนบวกถึง 78% นับตั้งแต่ปี 2471
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานต่ำกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 28,000 ราย สู่ระดับ 222,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 240,000 ราย  ขณะเดียวกัน กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลง 107,000 ราย สู่ระดับ 1.96 ล้านราย ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ปรับตัวต่ำกว่าระดับ 2 ล้านรายนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนมี.ค.2563
  • (+/-) โอเปกพลัสออกแถลงการณ์ยืนยันเดินหน้าเพิ่มกำลังการผลิตในเดือนม.ค.65  กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ออกแถลงการณ์ระบุว่า ที่ประชุมมีมติยึดมั่นตามข้อตกลงปัจจุบันในการเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรล/วันในเดือนม.ค.2565

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More