เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 เร็วกว่าเดิม1 ปี
คืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานฯ
แนวโน้มราคาทองคำคาดจะปรับลดลง
- ราคาทองคำSpot เมื่อวานปรับขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงกลางวันเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการผิดนัดชำระหนี้ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป บริษัทอสังหาริมทรัพย์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน แต่เริ่มมีแรงเทขายทองคำหลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)สำหรับการประชุมเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0-0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ซึ่งเฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้า จากปัจจุบัน 1.2แสนล้านดอลลาร์/เดือน นอกจากนี้กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่า 1 ปีเมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ยทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 322,000 รายจากที่สัปดาห์ก่อนหน้านี้อยู่ที่ระดับ 332,000 ราย ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนก.ย. ตลาดคาดจะลดลงสู่ระดับ 60.7 ดัชนี PMI ภาคบริการเดือนก.ย. ตลาดคาดจะทรงตัวที่ระดับ 55.1
- แนวโน้มราคาทองคำคาดจะปรับลดลง เนื่องจากเงินดอลลาร์มีทิศทางแข็งค่าขึ้น และสถานการณ์ของไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ปคลี่คลายลง หลังบริษัทตกลงที่จะชำระหนี้ดอกเบี้ยหุ้นกู้โดยคาดราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,750-1,770ดอลลาร์ ระยะสั้นทองคำมีแนวรับอยู่ที่ 1,760 ดอลลาร์และ 1,750 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,780 ดอลลาร์และ 1,790 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,767.70 | -6.30 | 1,760/1,750 | 1,780/1,790 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,100 | +200 | 27,850/27,700 | 28,150/28,250 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,160 | -100 | 28,000/27,850 | 28,280/28,440 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคาทอง Spot1,750 ดอลลาร์ (GF 27,850 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,740 ดอลลาร์(GF 27,690 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,768.80 | -8.00 | 1,761/1,751 | 1,781/1,791 |
การเข้าซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวแนะนำที่ราคา GOU211,751 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,741 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงต่อเนื่องทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ หลังเฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินมาตรการQE ในไม่ช้า นอกจากนี้กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่า 1 ปีซึ่งUSD Futures เดือนก.ย.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 33.30บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านสำคัญ 33.50 บาท/ดอลลาร์ ถ้าผ่านขึ้นไปได้จะมีแนวต้านถัดไป 33.70 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าหลังเฟดส่งสัญญาณลดQE
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในไม่ช้าทั้งนี้ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.29% แตะที่ 93.4733 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดบวกเพียง 60 เซนต์ก่อนตลาดรู้ผลประชุมเฟด
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) ก่อนที่ตลาดจะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการเฟดจะแถลงมติการประชุมนโยบายการเงินทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 60 เซนต์หรือ 0.03% ปิดที่ 1,778.8 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 29.6 เซนต์หรือ 1.31% ปิดที่ 22.907 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดพุ่ง $1.74 ขานรับสต็อกน้ำมันดิบร่วงต่ำสุดในรอบ 3 ปี
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) ขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปีและเป็นการปรับตัวลงติดต่อกันสัปดาห์ที่ 7 ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการใช้น้ำมันในสหรัฐยังคงแข็งแกร่งสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.74 ดอลลาร์หรือ 2.5% ปิดที่ 72.23 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนพ.ย. เพิ่มขึ้น 1.83 ดอลลาร์หรือ 2.5% ปิดที่ 76.19 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ : ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 338.48 จุดขานรับเฟดไม่ระบุไทม์ไลน์หั่นQE
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (22 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้ระบุไทม์ไลน์ที่ชัดเจนในการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) โดยส่งสัญญาณเพียงว่าจะปรับลดQE ในไม่ช้านี้ซึ่งต่างจากที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ว่าเฟดจะส่งสัญญาณปรับลดQE ในเดือนพ.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,258.32 จุดเพิ่มขึ้น 338.48 จุดหรือ +1.00% ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,395.64 จุดเพิ่มขึ้น 41.45 จุดหรือ +0.95% ดัชนีNasdaqปิดที่ 14,896.85 จุดเพิ่มขึ้น 150.45 จุดหรือ +1.02%
IMF เชื่อจีนสามารถรับมือปัญหา “เอเวอร์แกรนด์” ไม่ลามเป็นวิกฤติเชิงระบบ
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่าได้ติดตามสถานการณ์ของบริษัทไชน่าเอเวอร์แกรนด์กรุ๊ปอย่างใกล้ชิดแต่เชื่อว่าจีนจะมีวิธีป้องกันสถานการณ์ดังกล่าวไม่ให้กลายเป็นวิกฤติเชิงระบบนางกิตาโกปินาธหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของIMF ให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์ว่าภาคอสังหาริมทรัพย์คือภาคส่วนสำคัญของเศรษฐกิจจีนและการผิดนัดชำระหนี้ของเอเวอร์แกรนด์อาจส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและเสถียรภาพทางการเงินของจีน “เรากำลังติดตามสถานการณ์ในจีนอย่างใกล้ชิด” นางโกปินาธกล่าวพร้อมเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการปฏิรูปด้านกฎระเบียบเพื่อแก้ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีหนี้สินในระดับสูง “เรายังเชื่อว่าจีนมีเครื่องมือและนโยบายเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องนี้กลายเป็นวิกฤติเชิงระบบ”
“แบงก์ออฟอเมริกา” หั่นคาดการณ์จีดีพีจีนจากพิษ “เอเวอร์แกรนด์”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าแบงก์ออฟอเมริกา (BofA) ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนอันเนื่องมาจากปัญหาหนี้สินของบริษัทเอเวอร์แกรนด์การแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19และการคุมเข้มด้านกฎระเบียบในวงกว้างขณะที่วาณิชธนกิจอื่นๆก็ออกมาเตือนเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของจีนเช่นกันBofAได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่แท้จริงของจีนในปี2564จาก8.3%เป็น8.0%นอกจากนี้ยังปรับลดGDP ของปี2565จาก6.2%เหลือเพียง5.3%และปรับลดGDP ของปี2566จาก6.0%เป็น5.8% การปรับลดคาดการณ์GDP ครั้งนี้สืบเนื่องมาจากเศรษฐกิจจีนเผชิญปัญหาต่างๆเพิ่มขึ้นตลอดจนสะท้อนถึงความวิตกเกี่ยวกับปัญหาหนี้เอเวอร์แกรนด์ที่มีมูลค่าทั้งสิ้น3.05แสนล้านดอลลาร์หรือเกือบ2%ของGDP ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบในวงกว้างBofAเปิดเผยว่ากรณีพื้นฐานของปัญหาหนี้เอเวอร์แกรนด์คือ “จะส่งผลกระทบเล็กน้อย” ต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมดรวมถึงตลาดการเงินหากรัฐบาลจีนตัดสินใจช่วยปรับโครงสร้างหนี้ทีมนักวิเคราะห์จากBofAระบุในบันทึกว่า “หากมีการตอบสนองด้านนโยบายล่าช้าจากไตรมาสที่4ปี2564ไปจนถึงไตรมาสที่1ปี2565หรือดำเนินการผิดพลาดในเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของลูกหนี้รายใหญ่ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่การเติบโตทางเศรษฐกิจจะหยุดชะงัก”
สภาผู้แทนฯสหรัฐผ่านร่างกม.เลี่ยงชัตดาวน์-ระงับเพดานหนี้ถึงสิ้นปีหน้า
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง220ต่อ221ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันอังคาร (21ก.ย.) ตามเวลาสหรัฐเพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่3ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงานนอกจากนี้สภาผู้แทนราษฎรยังมีมติให้ยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐไปจนถึงสิ้นปี2565ขณะนี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวไปยังวุฒิสภาเพื่อให้การรับรองเป็นลำดับต่อไปอย่างไรก็ดีวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายรายยืนกรานว่าจะไม่โหวตรับรองร่างกฎหมายดังกล่าวทั้งนี้หากสมาชิกพรรครีพับลิกันยังคงปฏิเสธที่จะสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภาทางพรรคเดโมแครตก็จะต้องใช้กลยุทธ์ใหม่ๆมิฉะนั้นก็อาจเผชิญกับปัญหาสองประการคือการที่หน่วยงานบางส่วนของรัฐบาลต้องปิดดำเนินงานเนื่องจากขาดงบประมาณและรัฐบาลสหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาติ
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.