ทองคำลดลง ยอดค้าปลีกสหรัฐดีกว่าตลาดคาด
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้าน
ทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,870 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับลดลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นมากที่สุดในรอบ 16 เดือนและแรงเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด โดยสหรัฐเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.7%ดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 1.3% เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นและยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.6%ดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.9% ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ถือครองทองคำเท่าเดิมต่อเนื่องเป็นวันที่ 2เมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยการอนุญาตก่อสร้างและการเริ่มสร้างบ้านเดือนต.ค. ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.63ล้านยูนิต และ 1.58ล้านยูนิต ตามลำดับ หลังจากที่เดือนก.ย.อยู่ที่ระดับ 1.59ล้านยูนิต และ 1.56ล้านยูนิต ตามลำดับ
- แนวโน้มราคาทองคำคาดจะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,850-1,870 ดอลลาร์ทั้งนี้ทองคำมีแนวรับอยู่ที่1,850 ดอลลาร์และ 1,840 ดอลลาร์ขณะที่มีแนวต้านสำคัญ 1,870 ดอลลาร์และ1,877 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,850.20 | -12.2 | 1,850/1,840 | 1,870/1,877 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,950 | +100 | 28,700/28,550 | 28,950/29,050 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,870 | -250 | 28,860/28,700 | 29,100/29,220 |
สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,870ดอลลาร์ (GF 29,100 บาท) การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,850ดอลลาร์ (GF 28,860 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,840ดอลลาร์ (GF28,700 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,853.30 | -22.00 | 1,852/1,842 | 1,872/1,880 |
สำหรับนักลงทุนที่ซื้อไว้แนะนำขายทำกำไรบางส่วนที่ราคาทอง Spot1,872ดอลลาร์การเข้าซื้อเก็งกำไรแนะนำเมื่อราคาGOZ21ปรับลงมาที่ 1,852 ดอลลาร์โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,842ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดจะอ่อนค่าลงเล็กน้อย โดยเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่เพิ่มขึ้น 1.7%ดีกว่าตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 1.3%โดยUSD Futures เดือนธ.ค.2564 คาดจะมีแนวรับที่ 32.65 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 32.85 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าขานรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแกร่งเกินคาด
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ที่ขยายตัวได้ดีเกินคาดดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.53% แตะที่ 95.9182 เมื่อคืนนี้
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ : ทองปิดร่วง $12.5 นลท.ขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังข้อมูลศก.สดใส
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์และแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค. ทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12.5 ดอลลาร์หรือ 0.67% ปิดที่ 1,854.1 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 16.1 เซนต์หรือ 0.64% ปิดที่ 24.944 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ :น้ำมันWTI ปิดลบ 12 เซนต์หลังIEA คาดราคาน้ำมันชะลอตัว
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) หลังจากสำนักงานพลังงานสากล (IEA) คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกจะชะลอตัวลงในอนาคตขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ทั้งนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 12 เซนต์หรือ 0.2% ปิดที่ 80.76 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2564 สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซนต์หรือ 0.5% ปิดที่ 82.43 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ :ดาวโจนส์ปิดบวก 54.77 จุดรับข้อมูลศก.สหรัฐแข็งแกร่ง
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (16 พ.ย.) ขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค. รวมทั้งรายงานผลประกอบการที่สดใสของบริษัทค้าปลีกรายใหญ่เช่นวอลมาร์ทและโฮมดีโปท์ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,142.22 จุดเพิ่มขึ้น 54.77 จุดหรือ +0.15%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 4,700.90 จุดเพิ่มขึ้น 18.10 จุดหรือ +0.39% และดัชนีNasdaqปิดที่ 15,973.86 จุดเพิ่มขึ้น 120.01 จุดหรือ + 0.76%
ผู้นำวุฒิสภาสหรัฐจ่อเพิ่มกม.นวัตกรรมในกม.ความมั่นคงหวังสภาผู้แทนฯไฟเขียว
นายชัคชูเมอร์ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาจากพรรคเดโมแครตของสหรัฐประกาศวาเขาจะเพิ่มกฎหมายนวัตกรรมและการแข่งขันของสหรัฐ (US Innovation and Competition Act หรือUSICA) ในกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ (National Defense Authorization Act หรือNDAA) ประจำปีที่วุฒิสภาจะเริ่มพิจารณาแก้ไขเพิ่มเติมในสัปดาห์นี้โดยเป็นการผลักดันกฎหมายที่ชะงักงันมานานหลายเดือนในสภาผู้แทนราษฎร “วิกฤตห่วงโซ่อุปทานของเราจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขและเราไม่อาจรอได้” นายชูเมอร์กล่าว
“ไบเดน-สีจิ้นผิง” เปิดฉากประชุมทางไกลให้คำมั่นกระชับสัมพันธ์-ลดขัดแย้ง
ประธานาธิบดีโจไบเดนผู้นำสหรัฐได้เปิดฉากการประชุมทางไกลผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิงผู้นำจีนโดยบรรยากาศการประชุมเป็นไปอย่างราบรื่นและทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างเป็นมิตรในการประชุมทางไกลครั้งนี้ปธน.ไบเดนเป็นผู้กล่าวเปิดการประชุมโดยกล่าวว่าในฐานะผู้นำประเทศทั้งตัวเขาเองและปธน.สีมีความรับผิดชอบในการสร้างความเชื่อมั่นว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐจะไม่พลิกผันไปสู่ความขัดแย้งปธน.ไบเดนกล่าวว่าเขาคาดหวังว่าจะได้ประชุมแบบพบหน้ากันร่วมกับปธน.สีและรอคอยที่จะสนทนากันอย่างตรงไปตรงไปพร้อมกับกล่าวว่าหน้าที่ความรับผิดชอบของผู้นำคือการแสดงออกอย่างจริงใจว่าไม่เห็นด้วยในเรื่องใดและหาแนวทางที่จะสามารถดำเนินการร่วมกันได้เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดภาวะโลกร้อนขณะที่ปธน.สีกล่าวกับปธน.ไบเดนว่าทั้งสองประเทศกำลังเผชิญกับความท้าทายจำนวนมากร่วมกันและควรต้องเพิ่มการสื่อสารและความร่วมมือระหว่างสองประเทศพร้อมกับกล่าวว่าการพูดคุยแบบพบหน้ากันเป็นเรื่องที่ดีกว่าพร้อมกับเรียกร้องให้สหรัฐและจีนเพิ่มการติดต่อสื่อสารระหว่างกันและกัน
“ไบเดน” ลงนามกฎหมายลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแล้วหวังหนุนสหรัฐโตแซงหน้าจีน
ประธานาธิบดีโจไบเดนแห่งสหรัฐได้ลงนามบังคับใช้กฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Bipartisan Infrastructure Framework – BIF) วงเงินกว่า1ล้านล้านดอลลาร์แล้วซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของปธน.ไบเดนที่สามารถรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในช่วงรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งว่าเขาจะสร้างงานจำนวนหลายล้านตำแหน่งและผลักดันสหรัฐให้สามารถแข่งขันกับจีนได้กฎหมายBIF ซึ่งรวมถึงงบประมาณการใช้จ่ายระยะเวลา5ปีวงเงิน5.50แสนล้านดอลลาร์นั้นใช้เวลานานหลายเดือนก่อนที่จะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสโดยกฎหมายฉบับนี้จะเปิดทางให้โครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของปธน.ไบเดนกลายเป็นรูปธรรมซึ่งรวมถึงการสร้างถนน, สะพาน, การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและการสร้างเครือข่ายสถานีชาร์ตแบตเตอร์รี่รถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศ “กฎหมายฉบับนี้จะทำให้ปี2565เป็นปีแรกในรอบ20ปีที่การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของสหรัฐขยายตัวรวดเร็วกว่าจีน” ปธน.ไบเดนกล่าวในพิธีลงนามบังคับใช้กฎหมายBIF ที่ทำเนียบขาวเมื่อวานนี้เมื่อวันที่26มิ.ย.ที่ผ่านมาปธน.ไบเดนได้ประกาศการบรรลุข้อตกลงกับสภาคองเกรสเกี่ยวกับการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในสหรัฐโดยโครงการBIF ดังกล่าวมีวงเงินรวม1.2ล้านล้านดอลลาร์และมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงานในสหรัฐ “โครงการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยสร้างงานหลายล้านตำแหน่งในสหรัฐและจะช่วยให้โครงสร้างพื้นฐานของเรามีความทันสมัยมากขึ้นโครงการเหล่านี้จะสร้างระบบการขนส่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมน้ำประปาที่สะอาดมีเครือข่ายบรอดแบนด์ที่ครอบคลุมมีสาธารณูปโภคด้านพลังงานที่สะอาดและจะช่วยฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมซึ่งโครงการลงทุนเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนAmerican Jobs Plan ของผม” ปธน.ไบเดนเปิดเผยในวันดังกล่าว
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.