ทองปิดร่วงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
ช่วงเวลาตี 1 ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ
แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงได้ต่อ
- ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งนักลงทุนเทขายทองคำจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งนี้ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2561 รวมถึงคาดหวังการเจรจาระหว่างรัสเซียและยูเครนจะประสบความคืบหน้า ซึ่งเป็นการเจรจาเกี่ยวกับเรียกร้องให้รัสเซียหยุดยิง และถอนกำลังทหารทั้งหมดออกจากยูเครน ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 2.32 ตันจากเมื่อวาน
- คืนนี้ช่วงเวลาตี 1 ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ ตลาดคาดว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% มาสู่ระดับ 0.25%-0.50% และการแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ นอกจากนี้สหรัฐจะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนก.พ. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% จากที่เพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนม.ค.
- แนวโน้มราคาทองคำคาดปรับตัวลงได้ต่อ โดยราคาทองคำมีแนวรับ 1,900 ดอลลาร์ และแนวรับถัดไปที่ 1,890 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้าน 1,940 ดอลลาร์ และ 1,960 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | Support | Resistance |
1,916.35 | 1,900/1,890 | 1,940/1,960 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | Support | Resistance |
30,650 | 30,300/30,100 | 30,800/31,000 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | Support | Resistance |
30,620 | 30,320/30,100 | 30,950/31,180 |
สำหรับการเข้าซื้อราคาทอง Spot รอบใหม่ สามารถเข้าซื้อเมื่อราคา spot ปรับลงมาบริเวณ ที่ 1,900 ดอลลาร์ (GF 30,320 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,890 ดอลลาร์ (GF 30,100 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | Support | Resistance |
1,917.80 | 1,902/1,892 | 1,942/1,962 |
สำหรับการเข้าซื้อราคา GOH22 รอบใหม่ สามารถเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาบริเวณ ที่ 1,902 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,892 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ค่าเงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่องมากสุดในรอบ 2 เดือน ซึ่งค่าเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางภูมิภาค ทั้งนี้แนวโน้มค่าเงินบาทคาดว่าอ่อนค่าได้ต่อ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 มีแนวรับที่ 33.10 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์
News
เวิลด์แบงก์เตือนอย่ากักตุนอาหาร-น้ำมัน แม้ราคาพุ่งจากพิษสงคราม
นายเดวิด มัลพาสส์ ประธานธนาคารโลกแนะนำประชาชนและธุรกิจต่าง ๆ อย่ากักตุนอาหารและน้ำมัน แม้ว่าราคาจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม หลังจากรัสเซียโจมตียูเครน และนำไปสู่มาตรการคว่ำบาตรชุดใหญ่จากนานาชาติ นายมัลพาสส์กล่าวในงานเสวนาออนไลน์ที่จัดโดยหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรรัสเซียจะส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางเศรษฐกิจไปทั่วโลกที่รุนแรงกว่าตัวสงครามเอง อย่างไรก็ดี จากการประเมินในขณะนี้ เขาคาดว่า วิกฤตครั้งนี้จะไม่ทำให้เศรษฐกิจโลกหยุดฟื้นตัว หรือส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศทั่วโลกลดลง นายมัลพาสส์คาดว่า การรับมือสถานการณ์อย่างแข็งแกร่งจากผู้ผลิตทั่วโลกจะช่วยเพิ่มปริมาณซัพพลายได้เพียงพอต่อความต้องการ และคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องกักตุนสินค้าเพิ่มเป็นพิเศษในภาคครัวเรือนหรือธุรกิจร้านอาหาร นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่า อุปทานพลังงานนอกรัสเซียจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก ขณะที่อุปทานด้านอาหารนอกรัสเซียและยูเครนจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากราคาสินค้าที่พุ่งสูงขึ้นเนื่องจากสงคราม และประคองให้เศรษฐกิจยังฟื้นตัวได้ นายมัลพาสส์ยังระบุด้วยว่า ซัพพลายพลังงานอาจเพิ่มขึ้นเร็วกว่าอาหาร เนื่องจากการปรับตัวทางการเกษตรมักใช้เวลาประมาณหนึ่งปี “สิ่งที่ควรทำในสถานการณ์ตอนนี้คือ อย่าออกไปซื้อแป้งหรือน้ำมันมากักตุน แต่ขอให้ตระหนักว่าระบบเศรษฐกิจโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ มีการตอบสนอง และสินค้าจะยังคงมีเพียงพอ”
อดีตปธ.FDA สหรัฐชี้จีนเสี่ยงเผชิญโอมิครอนระบาดหนัก แม้ใช้แผนโควิดเป็นศูนย์
นายแพทย์สกอตต์ ก็อตต์ลีบ อดีตประธานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ออกมาให้ความเห็นว่า การที่จีนประสบปัญหาในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนนั้น มีสาเหตุมาจากการที่ประชากรจีนมีภูมิคุ้มกันธรรมชาติในระดับต่ำ ประกอบกับการที่จีนไม่ได้ใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน ทั้งนี้ สายพันธุ์ย่อย BA.2 ของโอมิครอนที่กำลังแพร่ระบาดในจีน มีการตรวจพบครั้งแรกเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา “ประชากรจีนเสี่ยงต่อการติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่นี้มาก เนื่องจากเป็นสายพันธุ์ที่แพร่กระจายง่ายและยากต่อการควบคุม อีกทั้งประชากรจีนยังไม่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ” และ “จีนไม่ได้ใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันสายพันธุ์โอมิครอน จึงมีความเสี่ยงสูงที่เชื้อจะแพร่ระบาด” นายแพทย์ก็อตต์ลีบกล่าวในรายการ “Squawk Box” ของสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี นอกจากนี้ นายแพทย์ก็อตต์ลีบยังเตือนว่า ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่าที่หน่วยงานจีนเปิดเผย ซึ่งจะทำให้สถานการณ์มีความไม่แน่นอนมากขึ้น “เราไม่ทราบว่าการแพร่ระบาดในจีนนั้นเป็นวงกว้างเพียงใด หรือว่ามีผู้ติดเชื้อเป็นหลักหมื่นหลักแสนคนหรือไม่” และ “ประชาชนจะติดเชื้อโควิดจากการที่โดนกักบริเวณอยู่ในบ้าน คำถามสำคัญก็คือมีการติดเชื้อมากเท่าใด และเหตุการณ์นี้จะดำเนินไปอีกนานเท่าใด” นายแพทย์ก็อตต์ลีบกล่าว
ประเทศสมาชิก EU เห็นชอบคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่ม ฐานรุกรานยูเครน
สำนักงานประธานสภาสหภาพยุโรป (EU) เปิดเผยว่า ประเทศสมาชิก EU ได้เห็นชอบกับการออกมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียเป็นรอบที่ 4 หลังรัสเซียรุกรานยูเครน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า แม้ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับมาตรการคว่ำบาตรรอบล่าสุด แต่สำนักงานประธาน EU ได้ระบุว่า รัสเซียจะถูกเพิกถอนสถานะการค้า “ชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่ง” (Most-favoured nation) ซึ่งสามารถเปิดทางให้ EU ออกคำสั่งห้ามหรือจัดเก็บภาษีลงโทษต่อสินค้าของรัสเซีย และกำหนดให้รัสเซียมีสถานะเทียบเท่ากับเกาหลีเหนือหรืออิหร่าน ทั้งนี้ ฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นประธานสภา EU ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.และมีวาระ 6 เดือน แหล่งข่าวการทูตระบุว่า การคว่ำบาตรครั้งนี้จะรวมถึงการสั่งห้ามนำเข้าเหล็กกล้าและเหล็กของรัสเซีย, การสั่งห้ามส่งออกสินค้าหรู อาทิ รถยนต์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 50,000 ยูโร (55,000 ดอลลาร์) และการสั่งห้ามลงทุนในบริษัทน้ำมันและภาคพลังงาน
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.