ดัชนี CPI พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับที่ตลาดคาด
คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค.
ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,810-1,830 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spot เมื่อคืนที่ผ่านมาปรับตัวขึ้นในระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนมาจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวลง ภายหลังการเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐ ซึ่งดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. สอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ทำให้ข้อมูลดังกล่าวจะไม่ทำให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วไปกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ถือครองทองคำเท่าเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน จากที่เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเที่ยบรายเดือนในเดือนพ.ย. หรือเพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบรายปี จากที่เพิ่มขึ้น 9.6% เมื่อเทียบรายปี และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่า ลดลง 8,000 รายสู่ระดับ 207,000 ราย
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,810-1,830 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้าน 1,830 ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,810 ดอลลาร์ และ 1,800 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,825.84 | +5.1 | 1,810/1,800 | 1,830/1,840 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,700 | +50 | 28,600/28,500 | 28,950/29,050 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
1,829.90 | +11.70 | 1,812/1,802 | 1,832/1,842 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,580 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790 ดอลลาร์ (GF 28,400 บาท)
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทเมื่อวานนี้แข็งค่าเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่า หลังจากที่เฟดยังไม่ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดแข็งค่าต่อเนื่อง สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 33.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.60 บาท/ดอลลาร์
News
“พาวเวล” มั่นใจสหรัฐฝ่าวิกฤตโอมิครอนได้ เชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่กระทบศก.
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเชื่อมั่นในระหว่างการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทยว่า แผนการใช้นโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดในปีนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงาน และเศรษฐกิจสหรัฐก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้เฟดไม่ต้องใช้มาตรการกระตุ้นขนานใหญ่อีกต่อไป นายพาวเวลกล่าวต่อคณะกรรมาธิการฯว่า เขาคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถฝ่าฟันสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนไปได้ และเชื่อว่าผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจนั้นจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ซึ่งผลกระทบนี้จะไม่ทำให้แผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ของเฟดในปีนี้ต้องสะดุดลง “เรามองว่าเศรษฐกิจไม่จำเป็นต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินขนานใหญ่อีกต่อไป ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่จะยุตินโยบายฉุกเฉินที่เฟดเคยนำมาใช้เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด และการยุตินโยบายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบด้านลบต่อตลาดแรงงาน” นายพาวเวลกล่าว นอกจากนี้ นายพาวเวลยังกล่าวว่า การรักษาเสถียรภาพด้านราคาถือเป็นสิ่งจำเป็นต่อการผลักดันเศรษฐกิจและการจ้างงานให้ขยายตัวได้ต่อไป พร้อมกับกล่าวว่าเฟดจะใช้ความพยายามในการสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ แม้จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ “ห่วงโซ่อุปทานที่กลับสู่ภาวะปกติจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันจากเงินเฟ้อในปีนี้ แต่เฟดไม่กลัวที่จะต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดไว้หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง เรารู้ว่าเงินเฟ้อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือด้านนโยบายทุกอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นจนฝังตัวในระบบเศรษฐกิจ” นายพาวเวลกล่าว
“ไบเดน” ชี้สหรัฐมาถูกทางแล้วในการต่อสู้กับโควิด
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ กล่าวแสดงความมั่นใจว่า สหรัฐนั้นมาถูกทางแล้วในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แม้ประเทศกำลังรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโอมิครอนก็ตาม สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวระบุว่า สถานการณ์นั้นแตกต่างจากระยะก่อน ๆ ของการแพร่ระบาด เนื่องจากประชาชนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีนครบโดส รวมถึงเข็มบูสเตอร์แล้ว ปธน.ไบเดนแถลงต่อสื่อมวลชนว่า “ผมมั่นใจว่าเราเดินมาถูกทางแล้ว” อย่างไรก็ตาม ปธน.ไบเดน ยอมรับว่า เขากังวลเกี่ยวกับความรวดเร็วในการแพร่ระบาดไปทั่วโลกของไวรัสโอมิครอน เพราะมันไม่ได้ระบาดลดลงมากนัก แม้ว่าไวรัสโอมิครอนอาจมีความรุนแรงน้อยกว่า แต่เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกล่าวเตือนว่า ยอดผู้ติดเชื้ออาจทำให้ระบบโรงพยาบาลต้องรับภาระหนัก ซึ่งบางแห่งได้ระงับการรักษาคนไข้ในกรณีที่ไม่เร่งด่วน เนื่องจากหลายโรงพยาบาลกำลังรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นและการขาดแคลนบุคลากร ขณะเดียวกัน ยอดผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้โรงเรียนหลายแห่งต้องปิดเรียน และประสบปัญหาขาดแคลนเจ้าหน้าที่ ครู และคนขับรถประจำทาง
นักวิเคราะห์คาด BOJ เพิ่มตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อในการประชุมสัปดาห์หน้า
นักวิเคราะห์จากสถาบัน SMBC Nikko Securities คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) จะปรับขึ้นคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อในการประชุมนโยบายซึ่งจะจัดขึ้นในสัปดาห์หน้า เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อผู้บริโภค อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดว่า BOJ จะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเป็นพิเศษต่อไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อที่ระดับ 2% นักวิเคราะห์คาดว่า แบงก์ชาติญี่ปุ่นจะประเมินความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนระลอกล่าสุด แต่ยังคงคาดการณ์เดิมว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวในระดับปานกลาง หลังจากที่ร่วงลงอย่างหนักในปีที่ผ่านมาจากพิษโควิด-19 นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ด้วยว่า BOJ จะคงเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ -0.1% และคงอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวอายุ 10 ปีที่ระดับ 0%
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
28,850 | +70 | 28,660/28,580 | 28,960/29,070 |
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.