ทองพุ่งแรงจากเฟดจะไม่เร่งใช้นโยบายคุมเข้มที่รุนแรงเกินไป
คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค.
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับตัวขึ้น
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับตัวขึ้นกว่า 19.74 ดอลลาร์ โดยราคาทองคำปรับตัวขึ้นแรงมาจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ภายหลังนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาที่ส่งสัญญาณว่าเฟดจะไม่เร่งใช้นโยบายคุมเข้มที่รุนแรงเกินไป ทางด้านนักวิเคราะห์จากบริษัท Gold Newsletter ชี้ว่าความเห็นของเฟดสะท้อนให้เห็นถึงนโยบายคุมเข้มด้านการเงินของเฟดจะทำให้เศรษฐกิจปรับตัวในลักษณะ “ซอฟท์แลนดิ้ง” มากกว่าที่จะทำให้เศรษฐกิจหดตัว ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 0.87 ตันจากเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.4% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน จากที่เพิ่มขึ้น 0.8% เมื่อเที่ยบรายเดือนในเดือนพ.ย. หรือเพิ่มขึ้น 7.0% เมื่อเทียบรายปี หรือเพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบรายปี นอกจากนี้สหรัฐเปิดเผยการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟด 12 เขต (Beige Book) ในช่วงเวลาตี 2
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดปรับตัวขึ้น โดยมีแนวต้าน 1,830 ดอลลาร์ และ 1,840 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,800 ดอลลาร์ และ 1,790 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,820.74 | +19.74 | 1,800/1,790 | 1,830/1,840 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,650 | – | 28,400/28,250 | 28,750/28,850 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,770 | +80 | 28,580/28,440 | 28,840/28,960 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,800 ดอลลาร์ (GF 28,580 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,790 ดอลลาร์ (GF 28,440 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,822.10 | +13.40 | 1,802/1,792 | 1,832/1,842 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,802 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,792 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทเมื่อวานนี้แข็งค่า เนื่องจากมีกระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ตลาดหุ้น และตลาดพันธบัตรไทยอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทระยะสั้นคาดแข็งค่า สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 33.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.60 บาท/ดอลลาร์
News
ผู้เชี่ยวชาญชี้ “เดลตาครอน” อาจเป็นการปนเปื้อนในแล็บ ไม่ใช่การกลายพันธุ์ใหม่
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขหลายรายได้ออกมาแสดงความกังขาเกี่ยวกับรายงานการพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ครั้งใหม่ที่มีชื่อว่า “เดลตาครอน” โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญมองว่า มีความเป็นไปได้มากกว่าที่การกลายพันธุ์ดังกล่าวจะเกิดจากความผิดพลาดในขั้นตอนการตรวจสอบ ก่อนหน้านี้ทีมวิจัยของศาสตราจารย์ลีออนดิโอส คอสทริคิส หัวหน้าศูนย์วิจัยเทคโนโลยีชีวภาพและไวรัสวิทยาระดับโมเลกุล มหาวิทยาลัยไซปรัส เป็นผู้ค้นพบไวรัสกลายพันธุ์ดังกล่าว โดยทีมวิจัยได้วิเคราะห์ตัวอย่างสิ่งส่งตรวจจำนวน 25 รายการในไซปรัส หลังจัดลำดับพันธุกรรม 1,377 ตัวอย่าง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการติดตามการกลายพันธุ์ของโควิด-19 ในไซปรัส และได้พบว่าเชื้อไวรัสมีลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสสายพันธุ์เดลตาและไวรัสโอมิครอนอีกบางส่วน ทั้งนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ไซปรัสได้อัปโหลดข้อมูลขึ้นสู่จีไอเอสเอไอดี (GISAID) ฐานข้อมูลจีโนมออนไลน์ด้านโรคโควิด-19 ระดับโลกแล้ว อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญมากมายได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการค้นพบดังกล่าว โดยดร.ครูติกา คัปปัลลี ผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทวีตข้อความว่า การค้นพบดังกล่าวน่าจะเกิดจากการปนเปื้อน โดยมีสารพันธุกรรมจากโอมิครอนเข้าไปปะปนกับตัวอย่างสายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้เธอยังเสริมว่า “อย่าเอาชื่อโรคระบาดมาผสมกันให้กลายเป็นชื่อใหม่เลย เรื่องนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของดาราจะดีกว่า” ขณะเดียวกัน ดร.ทอม พีค็อก นักไวรัสวิทยาจากอิมพิเรียลคอลเลจลอนดอนก็ได้ทวีตข้อความเช่นกัน โดยระบุว่า การกลายพันธุ์ “เดลตาครอน” ที่ไซปรัสค้นพบและมีการรายงานโดยสื่อหลายเจ้านั้น น่าจะเกิดขึ้นจากการปนเปื้อนอย่างแน่นอน
“ริชาร์ด แคลริดา” ลาออกจากรองปธ.เฟดก่อนกำหนด คาดกดดันจากข่าวฉาวซื้อขายหุ้น
นายริชาร์ด แคลริดา รองประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยว่า เขาจะลาออกจากตำแหน่งในวันศุกร์นี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดประมาณ 2-3 สัปดาห์ โดยนายแคลริดาจะครบวาระการดำรงตำแหน่งรองประธานเฟดในวันที่ 30 ม.ค.นี้ การประกาศลาออกก่อนกำหนดของนายแคลริดาเกิดขึ้นในขณะที่มีการเปิดโปงข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้นในเดือนก.พ. 2563 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เฟดได้ประกาศความพร้อมที่จะใช้เครื่องมือด้านนโยบายเชิงรุกเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สื่อหลายแห่งได้เปิดเผยรายงานการตรวจสอบพอร์ทโฟลิโอของนายแคลริดา โดยพบว่ามีการปรับพอร์ทหุ้นในวันที่ 27 ก.พ. 2563 ขณะที่หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานว่า นายแคลริดาได้เทขายหุ้นในกองทุนหุ้นจำนวน 3 กองก่อนหน้า 3 วัน ซึ่งเขาตั้งใจจะกลับเข้าซื้อในวันที่ 27 ก.พ. ในช่วงปลายปี 2564 นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทบทวนหลักจริยธรรมของเฟดในเรื่องการทำธุรกรรมทางการเงินอย่างเหมาะสม หลังจากมีการเปิดเผยข้อมูลว่า เจ้าหน้าที่ระดับอาวุโสหลายคนของเฟดได้ทำการซื้อขายหุ้นมูลค่าหลายล้านดอลลาร์ในปี 2563 และเจ้าหน้าที่อีกบางส่วนมีการลงทุนจำนวนมาก
เจพีมอร์แกนมั่นใจศก.สหรัฐแข็งแกร่ง คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งปีนี้
นายเจมี ไดมอน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเจพีมอร์แกน เชส ได้แสดงความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวได้ดีที่สุดในรอบหลายสิบปี และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 4 ครั้งในปีนี้ “เราเชื่อว่าเศรษฐกิจของสหรัฐจะขยายตัวแข็งแกร่งที่สุดในปีนี้ ซึ่งอาจจะแข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก (Great Depression) และผมคาดว่าเศรษฐกิจในปีหน้าก็จะขยายตัวได้ดีเช่นกัน” นายไดมอนกล่าวกับผู้สื่อข่าวของ CNBC ในการประชุม “40th Annual J.P. Morgan Healthcare Conference” ทั้งนี้ นายไดมอนกล่าวว่า การที่เขามีความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐนั้น มีสาเหตุมาจากงบดุลบัญชีที่แข็งแกร่งของผู้บริโภคชาวอเมริกัน โดยเจพีมอร์แกนถือเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของสหรัฐและมีความสัมพันธ์กับภาคครัวเรือนของสหรัฐมากถึง 50%
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.