Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 13 ม.ค.64 (YLG)

- Advertisement -

261

- Advertisement -

คำแนะนำ :

ลงทุนระยะสั้นโดยซื้อขายทำกำไรจากการแกว่งตัว หากราคาอ่อนตัวลง หากสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,837-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แนะนำเข้าซื้อเพื่อลงทุนระยะสั้น ทยอยขายทำกำไรหากราคาไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,864-1,874 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,837 1,818 1,800 แนวต้าน : 1,874 1,889 1,906

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  12.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลพวงจากความพยายามถอดถอนประธานาธิบดีทรัมป์ออกจากตำแหน่ง  หลังจากวานนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ขู่ว่าการถอดถอนเขาเป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับสหรัฐ เพราะจะสร้างความไม่พอใจต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากการชะลอการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ทั้งนี้  บอนด์ยีลด์อายุ 10 ปีปรับตัวลงจากระดับสูงสุดบริเวณ 1.1838% ลงมาปิดตลาดบริเวณ 1.10% หลังความต้องการที่แข็งแกร่งในการประมูลตราสารหนี้อายุ 10 ปีมูลค่า 38,000 ล้านดอลลาร์ของสหรัฐ  นั่นทำให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลงตาม  พร้อมกันนี้  ดัชนีดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากความเห็นของนาย Eric Rosengren ประธานเฟดบอสตัน ที่ระบุว่า การระบาดของ COVID-19 จะยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจ  ดังนั้นนโยบายการเงินของเฟดจะยังคงผ่อนคลายต่อไปแม้เศรษฐกิจสหรัฐฯอาจฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ก็ตาม  ขณะที่นักลงทุนเริ่มหันจุดสนใจไปยังความเสี่ยงที่เงินเฟ้อจะพุ่งขึ้น  หากรัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ซึ่งช่วนกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้ออีกด้วย  ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,837 ดอลลาร์พร้อมดีดกลับมาปิดตลาดเหนือเส้นค่าเฉลี่ย 200 วันได้เป็นวันทำการที่ 3 ติดต่อกันด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) สหรัฐเผยดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจขนาดย่อมต่ำกว่าคาดในเดือนธ.ค.  สหพันธ์ธุรกิจอิสระแห่งชาติสหรัฐ (NFIB) แถลงในวันนี้ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมดิ่งลงสู่ระดับ 95.9 ในเดือนธ.ค. ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 100.0 จากระดับ 100.9 ในเดือนพ.ย.
  • (+) สภาผู้แทนฯสหรัฐเดินหน้าความพยายามขับ “ทรัมป์” พ้นตำแหน่ง  สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเตรียมเดินหน้าความพยายามที่จะขับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ให้พ้นจากตำแหน่ง หลังจากที่เขาได้ยุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี  ในวันนี้ สภาผู้แทนฯจะทำการลงมติต่อญัตติเรียกร้องให้รองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ และคณะรัฐมนตรี ใช้บทบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่ 25 เพื่อปลดปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง  อย่างไรก็ดี แม้สภาผู้แทนฯให้การรับรองญัตติดังกล่าวในวันนี้ แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะบังคับให้นายเพนซ์ปลดปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง และที่ผ่านมา นายเพนซ์มีท่าทีปฏิเสธที่จะดำเนินการดังกล่าว  ส่วนในวันพรุ่งนี้ สภาผู้แทนฯจะลงมติต่อญัตติถอดถอนปธน.ทรัมป์ออกจากตำแหน่ง ซึ่งคาดว่าญัตติดังกล่าวจะผ่านการรับรองจากสภาผู้แทนฯ แต่ก็อาจถูกคว่ำในวุฒิสภา เนื่องจากขาดเสียงสนับสนุนที่เพียงพอ
  • (+) “ทรัมป์” ขู่แผนการถอดถอนจะเป็นเรื่องอันตรายสำหรับสหรัฐ  ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวในวันนี้ว่า การถอดถอนเขาออกจากตำแหน่ง เป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับสหรัฐ ขณะที่สร้างความไม่พอใจต่อชาวอเมริกันจำนวนมาก  อย่างไรก็ดี ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาไม่ต้องการให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น  นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า สิ่งที่เขากล่าวก่อนที่กลุ่มผู้สนับสนุนเขาจะบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ไม่มีเนื้อหาที่ยั่วยุแต่อย่างใด  “คนมากมายมองว่าสิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องที่เหมาะสม” ปธน.ทรัมป์กล่าวกับผู้สื่อข่าว ก่อนเดินทางไปยังรัฐเท็กซัสในวันนี้
  • (+) WHO วิตก หลังญี่ปุ่นพบไวรัสโควิดสายพันธุ์ใหม่แตกต่างจากอังกฤษ-แอฟริกาใต้  นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความวิตก หลังมีการพบไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่ญี่ปุ่นที่มีความแตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษและแอฟริกาใต้  นายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าวจะสร้างปัญหาได้อย่างมาก ขณะที่ระบบสาธารณสุขทั่วโลกกำลังเผชิญภาวะวิกฤตในขณะนี้  “หากไวรัสมีการแพร่ระบาดมากขึ้น ก็จะมีโอกาสกลายพันธุ์ได้มากขึ้น” นายแพทย์ทีโดรสกล่าว
  • (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐ  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงในช่วงท้ายตลาด หลังจากที่แข็งค่าในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ดีดตัวขึ้น ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.41% แตะที่ 90.0900 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.80 เยน จากระดับ 104.15 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8868 ฟรังก์ จากระดับ 0.8894 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2723 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2775 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2201 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2163 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3663 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3524 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7769 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7708 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) สหรัฐเผยตัวเลขการเปิดรับสมัครงานลดลง 105,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย.  สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงานลดลง 105,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 6.527 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย.
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 60 จุด รับความหวังไบเดนออกมาตรการกระตุ้นศก.  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (12 ม.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากความหวังที่ว่า รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ซึ่งจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นในปีนี้ อย่างไรก็ดี ตลาดปรับตัวในกรอบแคบๆ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า การพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐจะส่งผลให้ภาวะเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นด้วย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการซื้อสินทรัพย์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,068.69 จุด เพิ่มขึ้น 60.00 จุด หรือ +0.19% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,801.19 จุด เพิ่มขึ้น 1.58 จุด หรือ +0.04% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,072.43 จุด เพิ่มขึ้น 36.00 จุด หรือ +0.28%

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More