Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 17 ธ.ค.63 (YLG)

- Advertisement -

247

- Advertisement -

คำแนะนำ :

หากราคาทองคำปรับตัวลงเข้าใกล้โซนแนวรับ 1,853-1,839 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเข้าช้อนซื้อหากไม่หลุดแนวรับ เพื่อทำกำไรเมื่อราคาค่อยๆขยับขึ้น สำหรับการขายทำกำไรรอพิจารณาในโซน 1,875 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,853 1,839 1,826  แนวต้าน : 1,875 1,887 1,899

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น  10.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนสำคัญจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  จากความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ  หลังจากนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ออกมากล่าวว่า แกนนำในสภาคองเกรสมีความคืบหน้าในการเจรจา  ด้าน Politico รายงานสอดคล้องกันว่า แกนนำในสภาคองเกรสใกล้จะบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่มีมูลค่า 9.0 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินโดยตรงให้กับชาวอเมริกัน  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,865.63 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในระหว่างวันที่ 1,844.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์  เพราะดัชนีดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น  หลังธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยตามคาด  พร้อมกับ “คงวงเงิน” การเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือนตามเดิม  โดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทั้งวงเงินและประเภทของสินทรัพย์  ซึ่งสะท้อนว่าเฟดยินยอมให้อัตราผลตอบแทนระยะยาวของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นได้  นอกจากนี้  Economic Projections ยังสะท้อนอีกว่า “เฟดมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้น”  อย่างไรก็ดี  ดัชนีดอลลาร์ไม่สามารถรักษาช่วงบวกไว้ได้และอ่อนค่าลงในเวลาต่อมา  หลังนายพาวเวลล์ประธานเฟดยืนยันว่า  “เฟดพร้อมผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมหากมีความจำเป็น”  ขณะที่ความหวังว่าสหรัฐจะอนุมัติมาตรการดังกล่าวในไม่ช้านี้  ซึ่งเป็นปัจจัยกดดันดอลลาร์และหนุนราคาทองคำเพิ่มเติม  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) พร้อมกับติดตามการเปิดเผยดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน, การอนุญาตก่อสร้าง และตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านของสหรัฐ

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังเฟดตรึงดอกเบี้ย-เดินหน้าทำ QE  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับใกล้ 0% และประกาศเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปจนกว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.03% แตะที่ 90.4500 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.61 เยน จากระดับ 103.69 เยน แต่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8871 ฟรังก์ จากระดับ 0.8854 ฟรังก์ และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2754 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2696 ดอลลาร์แคนาดา  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2164 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2157 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3478 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3429 ดอลลาร์
  • (+) สหรัฐเผยยอดค้าปลีกลดลงเดือนที่ 2 ในพ.ย.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.  ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.
  • (+) แกนนำคองเกรสเผยการเจรจามาตรการกระตุ้นศก.ประสบความคืบหน้า  นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ กล่าวว่า การเจรจาระหว่างแกนนำในสภาคองเกรสประสบความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลอันเนื่องจากการขาดแคลนงบประมาณ (ชัตดาวน์)  “เรามีความคืบหน้าครั้งสำคัญ และผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถบรรลุข้อตกลงในไม่ช้า” นายแมคคอนเนลล์กล่าว
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดลบเล็กน้อย Nasdaq ทำนิวไฮรับผลประชุมเฟด  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 ธ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศษฐกิจที่ซบเซา อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ขยับลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ต่อไปจนกว่าเฟดจะบรรลุเป้าหมายด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,154.54 จุด ลดลง 44.77 จุด หรือ -0.15% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,658.19 จุด เพิ่มขึ้น 63.13 จุด หรือ +0.50% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,701.17 จุด เพิ่มขึ้น 6.55 จุด หรือ +0.18%
  • (+/-) เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด ยันเดินหน้าทำ QE ขณะปรับเพิ่มตัวเลขศก.สหรัฐ  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในวันนี้ ซึ่งเป็นการประชุมครั้งสุดท้ายของเฟดในปีนี้  แถลงการณ์หลังการประชุมของเฟดระบุว่า เฟดจะยังคงใช้เครื่องมือทุกอย่างในการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเพื่อให้มีการจ้างงานเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย 2%  เฟดยังระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะยังคงส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเงินเฟ้อในระยะสั้น และสร้างความเสี่ยงต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะกลาง  นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) วงเงินรวม 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน โดยเฟดจะซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน จนกระทั่งบรรลุเป้าหมายของเฟดในการจ้างงานเต็มศักยภาพ และรักษาเสถียรภาพของราคา  ขณะเดียวกัน เฟดยังได้เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์เศรษฐกิจประจำไตรมาสเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP), อัตราว่างงาน และอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐ  ทั้งนี้ เฟดคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงเพียง 2.4% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 3.7% ก่อนที่จะมีการขยายตัว 4.2% ในปี 2564 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 4% และจะขยายตัว 3.2% ในปี 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3% และจะขยายตัว 2.4% ในปี 2566 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 2.5% รวมทั้งจะขยายตัว 1.8% ในระยะยาว จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.9%  เฟดยังได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ โดยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.4% และอยู่ที่ระดับ 1.8%, 1.9% ในปี 2564 และ 2565 ตามลำดับ  นอกจากนี้ เฟดได้ปรับลดคาดการณ์อัตราว่างงาน โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 6.7% ในปีนี้ ขณะที่แตะระดับ 5%, 4.2% และ 3.7% ในปี 2564, 2565 และ 2566 ตามลำดับ
  • (+/-) ดัชนี PMI รวมภาคผลิต-บริการสหรัฐต่ำสุดรอบ 3 เดือนในธ.ค.  ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 55.7 ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน จากระดับ 58.6 ในเดือนพ.ย.

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More