อาจเสี่ยงเปิดสถานะซื้อเพื่อหวังทำกำไรระยะสั้นเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,924 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,924 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงได้ไม่มากอาจเลือกชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา
แนวรับ : 1,924 1,906 1,885 แนวต้าน : 1,960 1,981 2,006
สรุป ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวลดลง 74.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำเริ่มปรับตัวลดลงแรงจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ หลังจากนักลงทุนบางส่วนมีการซื้อคืน(Buy Closed) เพื่อปิดสถานะขาย(Short Position) เพื่อลดความเสี่ยงก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะเปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ก.ค. หลังจากก่อนหน้านี้กองทุนHedge funds ถือครองสถานะขายในค่าเงินดอลลาร์ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2018 ประกอบกับราคาทองคำหลุดกรอบ Rising Wedge ทำให้“สูญเสีย” มุมมองเชิงบวกจนกระตุ้นแรงขายทางเทคนิคเพิ่ม ประกอบกับมีรายงานข่าวจาก The Wall Street Journal ที่ระบุว่าคณะเจรจาการค้าของสหรัฐและจีนวางแผนที่จะหารือกันผ่าน Video Conference ในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จึงช่วยบรรเทาความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐเพิ่มจนกระตุ้นแรงขายสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำ ขณะที่รายงานการประชุมเดือนก.ค.ของเฟด แม้กรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงมาก อย่างไรก็ดี รายงานการประชุมเฟดย้ำชัดเช่นกันว่าเฟดจะยังไม่ใช้มาตรการควบคุมอัตราผลตอบแทน(yield curve control)ในตอนนี้ โดยมองว่าเศรษฐกิจจะได้รับประโยชน์เพียงเล็กน้อยจากมาตรการดังกล่าวในสภาพแวดล้อมปัจจุบัน สะท้อนท่าทีในเชิงผ่อนคลายนโยบายการเงินน้อยกว่าที่นักลงทุนบ้างส่วนคาดหวังไว้ จึงเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการเทขายของราคาทองคำ นั่นทำให้ราคาทองำดิ่งลงแรงกว่า 74.40 ดอลลาร์ต่อออนซ์จนแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,924.68 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจจากเฟดฟิลาเดลเฟีย, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจจาก CB
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) สหรัฐแจ้งยุติข้อตกลง 3 ฉบับต่อฮ่องกงอย่างเป็นทางการ กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุว่า ทางกระทรวงได้แจ้งฮ่องกงเมื่อวานนี้ว่า สหรัฐได้ระงับหรือยกเลิกข้อตกลงระดับทวิภาคี 3 ฉบับกับฮ่องกงหลังจากที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกง การยุติข้อตกลงดังกล่าวตามหลังคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐในเดือนที่ผ่านมาในการยุติสถานะพิเศษของฮ่องกงภายใต้กฎหมายสหรัฐ เพื่อลงโทษจีนสำหรับสิ่งที่เขาเรียกว่าเป็น “การดำเนินการกดขี่” ฮ่องกง กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า ข้อตกลงที่สิ้นสุดลงได้ครอบคลุม “ข้อตกลงการส่งตัวผู้กระทำความผิดที่หลบหนี, การส่งตัวบุคคลที่ถูกตัดสินโทษ และการยกเว้นภาษีต่อรายได้ที่มาจากการดำเนินงานของเรือระหว่างประเทศ”
- (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 85.19 จุด หลังรายงานประชุมชี้เฟดกังวลแนวโน้มศก. ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากรายงานการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะทำให้เศรษฐกิจเผชิญกับความเสี่ยงสูง พร้อมกับเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ ในขณะที่ทำเนียบขาวและสภาคองเกรสยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการออกมาตรการดังกล่าวจนถึงขณะนี้ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,692.88 จุด ลดลง 85.19 จุด หรือ -0.31% ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,374.85 จุด ลดลง 14.93 จุด หรือ -0.44% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,146.46 จุด ลดลง 64.38 จุด หรือ -0.57%
- (-) ดอลล์แข็งเทียบสกุลเงินหลัก หลังเฟดเผยรายงานประชุม ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (19 ส.ค.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมเดือนก.ค. ซึ่งระบุว่า กรรมการเฟดส่วนใหญ่ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญกับความเสี่ยงที่สูงมาก ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.90 เยน จากระดับ 105.39 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9136 ฟรังก์ จากระดับ 0.9028 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3186 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3158 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1856 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1936 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3115 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3240 ดอลลาร์
- (-) สหรัฐ-จีนวางแผนฟื้นคืนการเจรจาข้อตกลงการค้าที่ถูกเลื่อน แหล่งข่าวระบุว่า สหรัฐและจีนวางแผนจัดตารางการเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งเลื่อนมาจากสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งตั้งเป้าทบทวนความคืบหน้าระยะ 6 เดือนของข้อตกลงการค้าระหว่างทั้ง 2 ประเทศ แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามระบุว่า ขณะที่ยังไม่มีการกำหนดวัน แต่การทบทวนดังกล่าวจะมีขึ้นเร็วๆนี้ การประชุมทางไกลระหว่างนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน, นายโรเบิร์ต ไลท์ไฮเซอร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ไม่มีการประกาศในปฏิทินของรัฐอย่างเป็นทางการในสหรัฐหรือจีน แม้ว่าหนังสือพิมพ์เซาธ์ ไชน่า มอร์นิ่ง โพสต์รายงานว่า เดิมการประชุมมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 15 ส.ค.
- (+/-) รายงานประชุมชี้จนท.เฟดคาดถึงการผ่อนคลายเพิ่มเติมในอนาคตเพื่อพยุงเศรษฐกิจ รายงานการประชุมกำหนดนโยบายเดือนก.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงเมื่อวานนี้ว่า เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายหลายคนของธนาคารกลางสหรัฐระบุว่า เฟดอาจจำเป็นต้องดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจตลอดการระบาดของโควิด-19 รายงานการประชุมกำหนดนโยบายวันที่ 28-29 ก.ค.ระบุว่า สมาชิกคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงินเฟด (FOMC) มองว่า การฟื้นตัวในการจ้างงานชะลอลงแล้ว และ “การปรับตัวขึ้นอย่างมาก” เพิ่มเติมขึ้นอยู่กับการกลับมาเปิดกิจกรรมธุรกิจ “ในวงกว้างและต่อเนื่อง” นับตั้งแต่เดือนที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันลดลง แต่ยังเฉลี่ยที่ราว 50,000 คน ซึ่งทำให้การกลับมาเปิดธุรกิจชะลอตัว และในบางพื้นที่ของประเทศทำให้โรงเรียนต้องเลื่อน, เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกแผนจัดการเรียนการสอนในห้องเรียน เมื่อเดือนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กำหนดนโยบายได้หารือแนวทางการดำเนินงานที่เป็นไปได้ต่างๆที่อาจเหมาะสม “ณ บางจุด” ซึ่งรวมถึงการสัญญาว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจนกว่าจะบรรลุมาตรฐานทางเศรษฐกิจบางประการ หรือจนกว่าจะถึงกำหนดที่เฉพาะเจาะจงในอนาคต เฟดใช้ทางเลือกทั้ง 2 ในช่วงภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งที่ผ่านมา
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)