Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 3 ธ.ค.63 (YLG)

- Advertisement -

239

- Advertisement -

คำแนะนำ :

เน้นการซื้อขายทำกำไรระยะสั้นหลังจากราคาดีดตัวขึ้นแรงและมีอาจมีแรงขายทำกำไรออกมา การเปิดสถานะซื้อแนะนำรอการอ่อนตัวลงเข้าใกล้แนวรับโซน 1,815-1,810 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และพิจารณาโซน 1,835-1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์แบ่งปิดสถานะซื้อเพื่อทำกำไร

แนวรับ : 1,819 1,798 1,787  แนวต้าน : 1,835 1,847 1,868

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้นต่ออีก 15.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์  หลัง ADP เปิดเผยตัวเลขการจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐที่เพิ่มขึ้นเพียง 307,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 475,000 ตำแหน่ง  นอกจากนี้ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่ม  จากความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทางการคลังเพื่อเยียวยาผลกระทบของ COVID-19  ซึ่งเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อและการอ่อนค่าของสกุลเงิน  ประกอบกับนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  จากความวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่มีแนวโน้มดำเนินต่อไปในสมัยของนายโจ ไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ  หลังจากวานนี้นายไบเดนให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์ยืนยันว่า  “จะยังไม่ยกเลิก” มาตรการทางภาษีที่ประธานาธิบดทรัมป์บังคับใช้กับจีนในการทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้  สถานการณ์ดังกล่าวหนุนให้ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,832.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์  อย่างไรก็ดี  ข่าวความคืบหน้าเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซีนต้าน COVID-19 ยังคงเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกของราคาเช่นเดิม หลังจากวานนี้รัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านCOVID-19 ที่พัฒนาโดยไฟเซอร์ อิงค์ และ BioNTech เรียบร้อยแล้วและจะเริ่มแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวได้ในสัปดาห์หน้า  ส่งผลให้มีแรงขายสลับเข้ามาในตลาดทองคำเป็นระยะ   ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และดัชนี PMI ภาคการบริการจากมาร์กิตและ ISM

- Advertisement -

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

  • (+) ไบเดนยันยังไม่ยกเลิกมาตรการรีดภาษีสินค้าจีนในสมัยทรัมป์  นายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ กล่าวว่า เขาจะยังไม่ยกเลิกมาตรการทางภาษีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บังคับใช้กับจีนในการทำสงครามการค้าก่อนหน้านี้  นายไบเดนกล่าวว่า เขาจะทบทวนข้อตกลงระหว่างสหรัฐและจีนที่มีอยู่ในขณะนี้ และจะพัฒนายุทธศาสตร์ร่วมกับพันธมิตรของสหรัฐในยุโรปและเอเชีย  “ยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดที่เราจะใช้กับจีนก็คือการที่เราจะหาทางดำเนินการร่วมกับพันธมิตรของเรา โดยผมมองว่านโยบายสำคัญที่สุดของผมในช่วงเริ่มต้นการรับตำแหน่งประธานาธิบดีคือการทำให้เรากลับไปร่วมดำเนินการพร้อมกับพันธมิตรของเรา” นายไบเดนกล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อนายโทมัส ฟรีดแมน จากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์  นอกจากนี้ นายไบเดนยังระบุว่า ภารกิจที่สำคัญของเขาคือการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และให้รัฐบาลลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆภายในประเทศ
  • (+) นักวิเคราะห์คาดศุกร์นี้สหรัฐเผยจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มเพียง 440,000 ตำแหน่ง  นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ในวันศุกร์นี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 440,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานจะลดลงสู่ระดับ 6.7%
  • (+) ADP เผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐต่ำกว่าคาดในเดือนพ.ย.  ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียง 307,000 ตำแหน่งในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ค. และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 475,000 ตำแหน่ง
  • (+) มนูชินเผยทรัมป์พร้อมลงนามมาตรการกระตุ้นศก.ตามข้อเสนอแกนนำวุฒิสภา  นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐตามข้อเสนอของนายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา หากมาตรการดังกล่าวสามารถผ่านการอนุมัติจากสภาคองเกรส  “ท่านประธานาธิบดีจะลงนามในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่คุณแมคคอนเนลล์เสนอเมื่อวานนี้ และเราจะพยายามสานต่อจากข้อเสนอดังกล่าว” นายมนูชินกล่าว
  • (+) ดอลล์อ่อน หลังจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าคาด  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) หลังมีรายงานว่าตัวเลขจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐขยายตัวน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลข้อมูลแรงงานที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนพ.ย.  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.22% แตะที่ 91.1153 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.8960 ฟรังก์ จากระดับ 0.9006 ฟรังก์ และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2921 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2936 ดอลลาร์แคนาดา แต่เมื่อเทียบกับเงินเยน ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 104.55 เยน จากระดับ 104.40 เยน  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.2099 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2047 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3359 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3416 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7402 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7364 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 59.87 จุด รับความหวังสหรัฐเร่งออกมาตรการกระตุ้นศก.  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 ธ.ค.) ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับความหวังที่ว่าสภาคองเกรสสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบของไวรัสโควิด-19 รวมทั้งข่าวรัฐบาลอังกฤษอนุมัติให้ใช้วัคซีนต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดยบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,883.79 จุด เพิ่มขึ้น 59.87 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,669.01 จุด เพิ่มขึ้น 6.56 จุด หรือ +0.18% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,349.37 จุด ลดลง 5.74 จุด หรือ -0.05%
  • (-) สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้นสัปดาห์ที่แล้ว  สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยพุ่งขึ้น 9% ในสัปดาห์ที่แล้ว และทะยานขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่ทรงตัวในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์

ขอขอบคุณ  : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More