กองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำลดลงเหลือ1.17ตัน
คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.
ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,860-1,885 ดอลลาร์
- ราคาทองคำ Spotเมื่อวานปิดตลาดเพิ่มขึ้น เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงช่วยหนุนราคาทองคำ เนื่องจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ทำให้กังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19และยังจำเป็นต้องใช้มาตรการผ่อนคลายทางการคลังและการเงินทั่วโลก รวมทั้งปัญหาในการขนส่งวัคซีนต้านโควิด-19 ให้ทั่วถึงซึ่งต้องมีการขนส่งด้วยอุณหภูมิต่ำ ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 1.17 ตันเมื่อวาน และสัปดาห์นี้ขายทองคำสูงถึง 20.73 ตัน
- คืนนี้สหรัฐจะประกาศดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนต.ค.ตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่เดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 0.4%ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ย.ของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 82.1 หลังจากที่เดือนต.ค.อยู่ที่ระดับ 81.8
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ1,860-1,885 ดอลลาร์โดยทองคำมีแนวรับ1,860ดอลลาร์และแนวรับสำคัญ1,850ดอลลาร์ที่เป็นจุดต่ำสุดที่ทำไว้ในวันที่ 24 ก.ย. ถ้าหลุดแนวรับดังกล่าวจะมีแนวรับถัดไป 1,837 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,885ดอลลาร์ และ 1,900 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,876.90 | +12.29 | 1,860/1,850 | 1,885/1,900 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
26,850 | -100 | 26,650/26,550 | 26,950/27,150 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
26,970 | +20 | 26,780/26,650 | 27,060/27,260 |
แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาทองคำ Spot 1,860 ดอลลาร์ (GF 26,780 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์ (GF 26,650 บาท)
การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850-1,860ดอลลาร์
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,878.70 | +4.20 | 1,863/1,853 | 1,888/1,903 |
แนะนำเปิดสถานะซื้อเก็งกำไรการฟื้นตัวที่ราคาGOZ201,863 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,853 ดอลลาร์
เงินบาท
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเนื่องจากเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างประเทศที่ไหลเข้าตลาดหุ้นไทย รวมทั้งเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินหลักๆเนื่องจากหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐ ซึ่งทำให้หลายรัฐต้องออกมาตรการที่เข้มงวด ทำให้กังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19ซึ่ง USD Futures เดือนธ.ค.63 คาดจะมีแนวรับที่ 30.20 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่30.30-30.35 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์อ่อนวิตกผลกระทบโควิดระบาดหนักในสหรัฐ
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พ.ย.) โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างซบเซาเนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ข้อมูลเงินเฟ้อที่ซบเซาของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อดอลลาร์ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.09% แตะที่ 92.9628
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดบวก $11.7 ดอลล์อ่อน-บอนด์ยีลด์ร่วงหนุนแรงซื้อ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พ.ย.) โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ปรับตัวลดลงซึ่งเป็นปัจจัยที่ดึงดูดแรงซื้อทองคำนอกจากนี้ความวิตกกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.7 ดอลลาร์หรือ 0.63% ปิดที่ 1,873.3 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 3.9 เซนต์หรือ 0.16% ปิดที่ 24.306 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดลบ 33 เซนต์วิตกโควิด-สต็อกน้ำมันดิบพุ่ง
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นในสัปดาห์ที่แล้วซึ่งสวนทางกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์นอกจากนี้ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในสหรัฐสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 33 เซนต์หรือ 0.8% ปิดที่ 41.12 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนม.ค. ลดลง 27 เซนต์หรือ 0.6% ปิดที่ 43.53 ดอลลาร์/บาร์เรล
ตลาดหุ้นต่างประเทศ: ดาวโจนส์ปิดร่วง 317.46 จุดวิตกโควิดฉุดเศรษฐกิจทรุด
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนที่ผ่านมา (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจหลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างมากในสหรัฐซึ่งทำให้หลายรัฐประกาศใช้มาตรการเข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดโดยหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมและกลุ่มธนาคารซึ่งมีความอ่อนไหวต่อทิศทางเศรษฐกิจร่วงลงอย่างหนักขณะที่หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มธุรกิจเรือสำราญดิ่งลงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่สูงขึ้นดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,080.17 จุดลดลง 317.46 จุดหรือ -1.08% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,537.01 จุดลดลง 35.65 จุดหรือ -1.00% ส่วนดัชนีNasdaq ปิดที่ 11,709.59 จุดลดลง 76.84 จุดหรือ -0.65%
โมเดอร์นาเตรียมวิเคราะห์ผลทดลองวัคซีนโควิดฟอซีคาดมีประสิทธิภาพ 89-96%
โมเดอร์นา (Moderna) บริษัทเภสัชกรรมสัญชาติอเมริกันประกาศว่าบริษัทมีข้อมูลจากการทดลองขั้นสุดท้ายเพียงพอในการนำไปวิเคราะห์ขั้นแรกเพื่อประเมินประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่พัฒนาขึ้นโดยในขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมข้อมูลดังกล่าวเพื่อส่งให้คณะกรรมการอิสระด้านการตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยทำการประเมินผลต่อไปคณะกรรมการอิสระด้านการตรวจสอบข้อมูลความปลอดภัยของโครงการวิจัยจะเป็นผู้วิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวและจะให้คำแนะนำต่อไปโดยโมเดอร์นายังไม่ได้ประกาศว่าจะเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนเมื่อใดด้านนายแพทย์แอนโทนีฟอซีผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐและเป็นนายแพทย์ใหญ่ในคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาวเปิดเผยว่าโมเดอร์นาอาจได้ผลการวิเคราะห์ข้อมูลการทดลองภายในอีกไม่กี่วันนี้หรือเกินกว่าหนึ่งสัปดาห์ไปไม่กี่วันนายแพทย์ฟอซีคาดการณ์ว่าผลการประเมินประสิทธิภาพวัคซีนทดลองของโมเดอร์นาน่าจะปรากฏให้เห็นประสิทธิภาพในระดับสูงใกล้เคียงกับของบริษัทไฟเซอร์อิงค์ที่เพิ่งประกาศไปก่อนหน้านี้เนื่องจากวัคซีนของทั้งสองบริษัทคล้ายคลึงกันมากโดยน่าจะมีประสิทธิภาพอยู่ที่ระดับประมาณ 89-96% ก่อนหน้านี้ไฟเซอร์อิงค์บริษัทยารายใหญ่สุดของสหรัฐและBioNTechบริษัทยาของเยอรมนีได้แถลงความคืบหน้าครั้งใหญ่ในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ไฟเซอร์และBioNTechประกาศว่าผลการทดลองบ่งชี้ว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ซึ่งทั้งสองบริษัทพัฒนาร่วมกันมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% ในการป้องกันไวรัสสำหรับผู้ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อนและบริษัทจะจดทะเบียนวัคซีนต่อสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ในสัปดาห์หน้าและคาดว่าจะมีการผลิตวัคซีน 50 ล้านโดสภายในปีนี้และ 1,300 ล้านโดสในปีหน้า
ที่ปรึกษาไบเดนแนะล็อกดาวน์สหรัฐ 4-6 สัปดาห์เพื่อคุมโควิด-ฟื้นฟูเศรษฐกิจ
ดร.ไมเคิลออสเตอร์โฮล์มที่ปรึกษาด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของนายโจไบเดนว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐกล่าวว่าการปิดธุรกิจและการจ่ายเงินชดเชยให้กับประชาชนที่สูญเสียค่าจ้างเป็นเวลา 4-6 สัปดาห์อาจช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้และจะช่วยให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้จนกว่าจะมีการอนุมัติและจัดจำหน่ายวัคซีนต้านโรคโควิดดร.ออสเตอร์โฮล์มซึ่งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์นโยบายการและการวิจัยโรคติดเชื้อของมหาวิทยาลัยมินนิโซตากล่าวว่าสหรัฐกำลังก้าวเข้าสู่ “นรกโควิด” (Covid hell) ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการต้องสวมหน้ากากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคมนอกจากนี้สภาพอากาศที่หนาวเย็นขึ้นจะเป็นแรงผลักดันให้ประชาชนอยู่รวมกันภายในอาคารบ้านเรือนซึ่งจะยิ่งทำให้การสัมผัสติดเชื้อเป็นไปได้ง่ายมากขึ้นดร.ออสเตอร์โฮล์มแนะนำว่าการล็อกดาวน์ทั่วประเทศจะทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงสู่ระดับที่สามารถรับมือได้ซึ่งถือเป็นมาตรการที่ควรดำเนินการไปก่อนขณะรอวัคซีนพร้อมกับกล่าวว่า “เราควรจัดสรรงบประมาณที่ครอบคลุมถึงการช่วยเหลือประชาชนที่ไม่ได้ค่าจ้างในช่วงล็อกดาวน์ธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลางซึ่งหากทำเช่นนั้นได้เราอาจล็อกดาวน์เป็นระยะเวลา 4-6 สัปดาห์” ทั้งนี้ดร.ออสเตอร์โฮล์มกล่าวว่าการล็อกดาวน์จะช่วยให้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้เหมือนกับที่นิวซีแลนด์, ออสเตรเลียและประเทศอื่นๆในเอเชียทำสำเร็จมาแล้วซึ่งประเทศเหล่านั้นสามารถทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงสู่ระดับต่ำกว่า 10 รายซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่ดีในการควบคุมการแพร่ระบาดของ
จอร์เจียเตรียมนับคะแนนใหม่เหตุ “ไบเดน-ทรัมป์” เบียดกันสูสี
นายแบรดแรฟเฟนสเปอร์เกอร์เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐจอร์เจียกล่าวว่ารัฐจอร์เจียจะทำการนับคะแนนเลือกตั้งใหม่เนื่องจากนายโจไบเดนผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตและประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์มีคะแนนเลือกตั้งสูสีกันอย่างมาก “จะมีการนับคะแนนด้วยมือในแต่ละเคาน์ตี” นายแรฟเฟนสเปอร์เกอร์กล่าวนายแรฟเฟนสเปอร์เกอร์ยังระบุว่าทางรัฐจะทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ในเคาน์ตีเพื่อให้กระบวนการนับคะแนนเสร็จสิ้นก่อนเส้นตายวันที่ 20 พ.ย.สำหรับการยืนยันผลการนับคะแนนทั่วทั้งรัฐอย่างไรก็ดีนายไบเดนประกาศชัยชนะในการเลือกตั้งในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาขณะที่สื่อรายงานว่านายไบเดนได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งเกินกว่า 270 เสียงจากทั้งหมด 538 เสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.