Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 6 พ.ย.63 (YLG)

- Advertisement -

383

- Advertisement -

ราคาพยายามดีดตัวขึ้นต่อเพื่อทดสอบแนวต้านโซนที่ 1,953-1,956 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากราคายืนไม่ได้อาจเกิดแรงขายทำกำไรระยะสั้นออกมา เมื่อราคาทองคำอ่อนตัวลงจะมีแนวรับบริเวณ 1,929-1,921 ดอลลาร์ต่อออนซ์

แนวรับ : 1,921 1,912 1,888  แนวต้าน : 1,956 1,977 1,992

สรุป

ราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้นถึง 44.82  ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยทองคำได้รับปัจจัยหนุนหลังจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์จากการคาดการณ์ว่า  นายไบเดน  จากพรรคแดโมแครตจะมีชัยเหนือประธานาธิบดีทรัมป์ในศึกการเลือกตั้งปรธานาธิบดีสหรัฐ  แต่อาจไม่มีพรรคใดพรรคหนึ่งครองอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส(Gridlock) ซึ่งจะทำให้การเพิ่มกฎระเบียบต่อบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่  และการขึ้นภาษีนิติบุคคลตามแผนการของนายไบเดนถูกสกัดจากวุฒิสภาที่พรรครีพับลิกันยังมีแนวโน้มครองเสียงข้างมาก  ปัจจัยดังกล่าวกระตุ้นการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง  ซึ่งช่วยหนุนให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้นถึง 542.52 จุด  จนบั่นทอนความต้องการดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย  ประกอบกับสถานการณ์ “Gridlock”  มีแนวโน้มจะ “จำกัด” แผนการใช้จ่ายของรัฐบาล และ “จำกัด” ปริมาณอุปทานพันธบัตรเพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ  ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่กลางเดือนต.ค.ที่ 0.718% จนเป็นปัจจัยกดดันสกุลเงินดอลลาร์เพิ่มเติม  ไม่ใช่แค่นั้น  ดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ “ ลดลงน้อยกว่า”  รวมไปถึงผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ที่แม้เฟดจะมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% แต่เฟดจะคงจุดยืนผ่อนคลายโยบายการเงินต่อไป  พร้อมยืนยันว่าจะใช้เครื่องมือทั้งหมดที่เฟดมีอยู่เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐ   และย้ำชัดว่าเฟดยังไม่ได้มองถึงการลดวงเงินการซื้อสินทรัพย์(QE) สถานการณ์ดังกล่าวกดดันสกุลเงินดอลาร์เพิ่มเติม  ซึ่งช่วยหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นจน Breakout แนวต้านสำคัญจึงส่งผลให้มีแรงซื้อตามทางเทคนิค  ส่งผลให้ราคาพุ่งขึ้นทะสอบระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือนครึ่งที่ 1,952.77 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขสำคัญในตลาดแรงงานสหรัฐ

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

- Advertisement -

  • (+) เฟดคงดอกเบี้ยตามคาด ขณะเดินหน้าทำ QE  คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ในวันนี้  แถลงการณ์หลังการประชุมของเฟดระบุว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจและการจ้างงานยังคงฟื้นตัวขึ้น แต่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับในช่วงต้นปีนี้” ซึ่งแตกต่างจากในเดือนก.ย.ที่เฟดระบุว่า “กิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ดีดตัวขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา”  เฟดยังระบุว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อมนุษย์และเศรษฐกิจทั่วสหรัฐและทั่วโลก ซึ่งเฟดจะใช้เครื่องมือทุกอย่างเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ  ขณะเดียวกัน เฟดให้คำมั่นว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะมีการจ้างงานอย่างเต็มศักยภาพ และเงินเฟ้อปรับตัวขึ้นเหนือระดับเป้าหมาย 2%  นอกจากนี้ เฟดระบุว่าจะยังคงซื้อพันธบัตรรัฐบาลตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน รวมทั้งใช้เครื่องมืออื่นตามที่จำเป็น โดยขึ้นอยู่กับพัฒนาการทางเศรษฐกิจ  อย่างไรก็ดี แถลงการณ์ของเฟดไม่ได้ระบุถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่เพิ่งเสร็จสิ้นในวันที่ 3 พ.ย.แต่อย่างใด
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกัน โดยลดลงสู่ระดับ 751,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากอยู่ที่ 758,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
  • (+) ดอลล์อ่อนค่า หลังเฟดตรึงดอกเบี้ยใกล้ 0% ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยใกล้ 0% และส่งสัญญาณว่าจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในระยะใกล้นี้  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.94% แตะที่ 92.5269  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 103.50 เยน จากระดับ 104.43 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9043 ฟรังก์ จากระดับ 0.9120 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3039 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3120 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1838 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1723 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.3143 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2996 ดอลลาร์
  • (+/-) “โจ ไบเดน”ใกล้ชนะเลือกตั้งขณะ”ทรัมป์”อ้างมีการโกง  ผลเลือกตั้งประธานาธิบดีขึ้นอยู่กับคะแนนที่ยังนับไม่เสร็จในรัฐสมรภูมิไม่กี่รัฐเมื่อวานนี้ ในขณะที่นายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครตใกล้คว้าชัยในทำเนียบขาว ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเพิ่มความพยายามแบบไม่คาดหมายโดยแสดงข้อกังขาเกี่ยวกับความเที่ยงตรงของการเลือกตั้ง  นายไบเดน ซึ่งเป็นอดีตรองประธานาธิบดี ตีตื้นขึ้นมาต่อการนำของปธน.ทรัมป์ในรัฐเพนซิลเวเนียและจอร์เจีย แม้แต่ในขณะที่เขายังคงนำในกรอบแคบๆในรัฐเนวาดาและแอริโซนา โดยใกล้รวบรวมคะแนนจากคณะผู้เลือกตั้งครบ 270 เสียง ซึ่งชี้ชะตาผู้ชนะ  ใน 3 จาก 4 รัฐ ส่วนต่างของคะแนนระหว่างทั้งคู่ยังสูสีนับตั้งแต่วันพุธ ขณะที่ผลจากศูนย์นับคะแนนเหล่านี้ทยอยเข้ามาและชาวอเมริกันที่กังวลรอความชัดเจนหลังการเลือกตั้งอันดุเดือด
  • (+/-) “ทรัมป์”แพ้ในการยื่นฟ้องเลือกตั้งในจอร์เจีย,มิชิแกน; เตรียมฟ้องในเนวาดา  คณะหาเสียงของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในการตัดสินของศาลในรัฐจอร์เจียและมิชิแกนเมื่อวานนี้ แม้แต่ในขณะที่คณะดังกล่าวประกาศว่า จะดำเนินการฟ้องร้องครั้งใหม่ต่อความผิดปกติในการลงคะแนนเสียงในรัฐเนวาดา  ในคดีรัฐจอร์เจีย คณะหาเสียงกล่าวหาว่า บัตรคะแนนที่มาถึงล่าช้า 53 ใบถูกผสมกับบัตรคะแนนที่ตรงเวลา ในรัฐมิชิแกน คณะหาเสียงพยายามหยุดยั้งการนับคะแนนและเรียกร้องการเข้าถึงกระบวนการตามระเบียบมากขึ้น  ผู้พิพากษาเจมส์ บาส ซึ่งเป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาในรัฐจอร์เจียระบุว่า “ไม่มีหลักฐาน” ว่าบัตรคะแนนที่ยื่นฟ้องเป็นบัตรเสีย
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 542.52 จุด รับคาดการณ์รีพับลิกัน-เดโมแครตแบ่งกันครองสภา  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้จะไม่มีพรรคใดครองอำนาจเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส โดยพรรครีพับลิกันมีแนวโน้มที่จะยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งจะขัดขวางไม่ให้นโยบายปรับขึ้นภาษีเงินได้นิติบุคคลของนายโจ ไบเดน ผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,390.18 จุด เพิ่มขึ้น 542.52 จุด หรือ +1.95% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,510.45 จุด เพิ่มขึ้น 67.01 จุด หรือ +1.95% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,890.93 จุด เพิ่มขึ้น 300.15 จุด หรือ +2.59%

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More