สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
สัปดาห์นี้ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways down
- สัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ Spotลดลงทำจุดต่ำสุดในรอบ 1 เดือนแตะ 1,859 ดอลลาร์เนื่องจากเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสุดในรอบ 1 เดือนโดยสหรัฐประกาศจีดีพีไตรมาส 3ขยายตัว 33.1% ซึ่งขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ลดลงเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกันสู่ระดับ 751,000 รายความล่าช้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เปิดเผยว่าสหรัฐอาจไม่สามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 6.13ตันในสัปดาห์ที่ผ่านมา
- สัปดาห์นี้มีประเด็นที่ต้องติดตามอย่างเข้มข้นที่จะทำให้ราคาทองคำผันผวน ทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ที่จะมีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินจากนโยบายหาเสียงของผู้ชนะเลือกตั้ง ทั้งนี้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในครั้งนี้อาจช้ากว่าปกติ เนื่องจากมีการส่งบัตรคะแนนทางไปรษณีย์ การประชุมธนาคารกลางสหรัฐ และการจ้างงานของสหรัฐเดือนต.ค. ซึ่งตลาดคาดการจ้างงานภาคเอกชน ADPและการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.จะเพิ่มขึ้น 690,000 ตำแหน่ง และ 600,000 ตำแหน่ง ตามลำดับ
- แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหว Sideways down ซึ่งถ้าราคาทองคำปรับลงไปที่1,850 ดอลลาร์ คาดว่าจะเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา โดยมีแนวต้านที่ 1,890ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไป 1,900 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,878.64 | +11.26 | 1,860/1,850 | 1,890/1,910 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
27,750 | +100 | 27,500/27,350 | 27,900/28,050 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
27,880 | -10 | 27,620/27,500 | 28,020/28,150 |
แนะนำซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,860 ดอลลาร์ (GF 27,620 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,850 ดอลลาร์(GF 27,500 บาท)
การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,850-1,860 ดอลลาร์
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,882.20 | +2.10 | 1,865/1,855 | 1,895/1,905 |
แนะนำซื้อเมื่อราคาGOZ20ปรับลงมาที่ 1,865 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,855 ดอลลาร์
เงินบาท
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐทิ่ออกมาดีกว่าตลาดคาดซึ่งUSD Futures เดือนธ.ค.63คาดจะมีแนวรับที่ 31.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.25 บาท/ดอลลาร์
ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดอ่อนค่าลงทั้งนี้เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19และข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐทิ่ออกมาดีกว่าตลาดคาดซึ่งUSD Futures เดือนธ.ค.63คาดจะมีแนวรับที่ 31.15 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.25 บาท/ดอลลาร์
News
ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์แข็งค่าเล็กน้อยขานรับข้อมูลเศรษฐกิจดีกว่าคาด
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนพากันเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะที่เป็นสกุลเงินปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการที่โรคโควิด-19 แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลกและดอลลาร์ยังได้แรงหนุนหลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดด้วยดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินเพิ่มขึ้น 0.10% แตะที่ระดับ 94.0412
ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดบวก 11.9 ดอลล์ฟื้นตัวทางเทคนิคสวนทางตลาดหุ้นลบ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) โดยดีดตัวขึ้นทางเทคนิคหลังจากร่วงลงในช่วงที่ผ่านมาสู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์และสัญญาทองยังได้แรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดเพิ่มขึ้นทั่วโลกแต่สัญญาทองก็ยังคงปรับตัวลงเป็นสัปดาห์ที่ 3 ติดต่อกันทั้งนี้สัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 11.90 ดอลลาร์หรือ 0.64% ปิดที่ 1,879.90 ดอลลาร์/ออนซ์แต่ในรอบสัปดาห์นี้สัญญาทองคำลดลง 1.3% ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกัน 3 สัปดาห์และในรอบเดือนต.ค. ลดลง 0.8% สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 28.6 เซนต์หรือ 1.22% ปิดที่ 23.646 ดอลลาร์/ออนซ์
ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดลบ 38 เซนต์วิตกโควิดพุ่งกระทบดีมานด์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายสัญญาน้ำมันออกมาท่ามกลางความวิตกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นทั้งในสหรัฐและยุโรปจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 38 เซนต์หรือ 1.1% ปิดที่ 35.79 ดอลลาร์/บาร์เรลซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมาโดยในรอบสัปดาหนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ร่วงลงมากกว่า 10% และทั้งเดือนต.ค. ร่วงลง 11%
ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดลบ 157.51 จุดแรงขายหุ้นเทคโนฯกดดันตลาด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ต.ค.) และปรับตัวลงรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่ต่างๆหลังจากการเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังนอกจากนี้นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์และความกังวลเกี่ยวกับผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,501.60 จุดลดลง 157.51 จุดหรือ -0.59%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,269.96 จุดลดลง 40.15 จุดหรือ -1.21% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 10,911.59 จุดลดลง 274.00 จุดหรือ -2.45% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 6.5%, ดัชนีS&P500 ร่วง 5.6% และดัชนีNasdaq ร่วง 5.5% และในรอบเดือนต.ค. ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 4.6%, ดัชนีS&P500 ร่วง 2.8% และดัชนีNasdaq ร่วง 2.3%
ไบเดนให้คำมั่นไม่ขู่ถอนทหารจากเกาหลีใต้หากได้เป็นปธน.สหรัฐ
นายโจไบเดนอดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐและเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐได้ให้คำมั่นว่าจะไม่ใช้วิธีการขู่ถอนทหารสหรัฐออกจากเกาหลีใต้เป็นปัจจัยในการต่อรองหลังคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์แห่งสหรัฐเรียกร้องให้เกาหลีใต้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้กับกองทัพสหรัฐที่ประจำการในเกาหลีใต้นายไบเดนให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ว่าถ้าชนะการเลือกตั้งปธน.สหรัฐเขาจะไม่รีดไถเกาหลีใต้ด้วยการขู่ว่าจะถอนทหารออกจากเกาหลีใต้หากไม่ยอมจ่ายเงินเพิ่มขึ้นให้กับกองทัพสหรัฐความเห็นดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้เกาหลีใต้จ่ายเงินเพิ่มขึ้นสำหรับค่าใช้จ่ายของกองทัพสหรัฐที่มีทหารประจำการอยู่ในเกาหลีใต้ (USFK) ราว 28,500 นายโดยในการประชุมด้านกลาโหมประจำปีที่สหรัฐเมื่อสัปดาห์ที่แล้วสหรัฐและเกาหลีใต้ยังคงขัดแย้งกันโดยปธน.ทรัมป์ต้องการให้เกาหลีใต้จ่ายเงินเพิ่มขณะที่เกาหลีใต้ต้องการสิทธิในการควบคุมกองทัพมากกว่าเดิมจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้มีความเป็นไปได้ว่าปธน.ทรัมป์อาจจะผลักดันให้ถอนกองกำลังสหรัฐบางส่วนออกจากเกาหลีใต้เช่นเดียวกับที่เคยทำในประเทศอื่นๆมาแล้ว
จีนลั่นพร้อมเป็นผู้นำเทคโนโลยีหลังสหรัฐห้ามส่งออกเทคโนโลยีให้จีน
คณะผู้แทนสภาแห่งชาติของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (CPC) ชุดที่ 19 ให้คำมั่นที่จะสร้างประเทศจีนให้สามารถพึ่งพาเทคโนโลยีของตนเองได้หลังสหรัฐสั่งแบนการส่งออกชิปคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบไฮเทคอื่นๆของสหรัฐให้จีนโดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคงถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ประชุมCPC ร่างข้อเสนอสำหรับการกำหนดแผนระยะเวลา 5 ปีครั้งที่ 14 (2564-2568) ว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติในระยะยาวจนถึงปี 2578 แถลงการณ์ระบุว่าจีนต้องพึ่งพาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของตนเองให้ได้เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การพัฒนาประเทศโดยเทคโนโลยีเป็นรากฐานของการรณรงค์เพื่อส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืนด้วยตนเองของจีนโดยอาศัยการใช้จ่ายของผู้บริโภคในประเทศและเพื่อสร้างสังคมที่รุ่งเรืองตามสมควรพร้อมกันนี้CPC ยังได้แสดงความกังวลกับการที่จีนต้องพึ่งพาส่วนประกอบจากสหรัฐยุโรปและญี่ปุ่นแม้โรงงานในจีนจะประกอบสมาร์ทโฟนคอมพิวเตอร์และผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ของโลกก็ตามนอกจากนี้ในแถลงการณ์ดังกล่าวยังได้ให้คำมั่นที่จะส่งเสริมการพัฒนาพลังงานสะอาดและปลดปล่อยคาร์บอนต่ำพร้อมยกระดับมาตรฐานชีวิตความเป็นอยู่ของชาวจีนพัฒนากองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) และพัฒนาความสามารถด้านกลยุทธ์ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศทั้งนี้แผนระยะ 5 ปีของจีนเป็นแผนการปฏิรูปเศรษฐกิจโดยจะมีการประกาศแผนฉบับเต็มในเดือนมี.ค. และจะประกาศเปลี่ยนกฎระเบียบและแผนการของแต่ละอุตสาหกรรมหลังจากนั้น
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.