- Advertisement -

ทองคำเพิ่มขึ้นจากความกังวลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

คืนนี้สหรัฐจะประกาศดุลการค้าเดือนก.ย.

แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,890-1,915 ดอลลาร์

• ราคาทองคำ Spot เมื่อวานปรับขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.โดย Conference Boardของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 100.9 สวนทางกับตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 102.1 ความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ ทั้งสหรัฐยุโรป รัสเซียและความไม่แน่นอนของมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของสหรัฐขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดหวังว่าจะบรรลุข้อตกลงได้ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ซื้อทองคำ 2.92 ตันเมื่อวาน
• คืนนี้สหรัฐจะประกาศดุลการค้าเดือนก.ย. ตลาดคาดจะขาดดุลเพิ่มขึ้นเป็น 8.48 หมื่นล้านดอลลาร์ จากขาดดุล 8.29 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.ขณะที่คืนพรุ่งนี้สหรัฐจะประกาศจีดีพีไตรมาส 3 ซึ่งตลาดคาดจะเพิ่มขึ้น 32.0% หลังจากที่ไตรมาส 2  หดตัวลง 31.4%
• แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,890-1,915 ดอลลาร์ โดยมีแนวรับอยู่ที่ 1,890 ดอลลาร์ และ 1,880 ดอลลาร์ ตามลำดับ ขณะที่มีแนวต้านที่ 1,915ดอลลาร์ และ 1,930 ดอลลาร์ ตามลำดับ

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

ราคาทองแท่ง 96.5%

โกลด์ฟิวเจอร์ส

- Advertisement -

แนะนำซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,890 ดอลลาร์  (GF 28,070 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,880 ดอลลาร์(GF 27,920 บาท)

การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,880 ดอลลาร์ และ1,860-1,870 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

แนะนำซื้อเมื่อราคาGOZ20ปรับลงมาที่ 1,895 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,885 ดอลลาร์

เงินบาท

ทิศทางเงินบาทในวันนี้คาดเคลื่อนไหวทรงตัวโดยเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เนื่องจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.ของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 100.9 สวนทางกับตลาดคาดจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 102.1 ซึ่งUSD Futures เดือนธ.ค.63คาดจะมีแนวรับที่ 31.20บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 31.30บาท/ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ: ดอลล์อ่อนหลังความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐชะลอตัว

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) หลังจากผลสำรวจของConference Board ระบุว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงในเดือนต.ค. อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19   ดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.11% แตะที่ 92.9426

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดบวก $6.2 รับแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยหลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐปรับตัวลงในเดือนต.ค. อันเนื่องมาจากความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 6.2 ดอลลาร์หรือ 0.33% ปิดที่ 1,911.9  ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 15 เซนต์หรือ 0.61% ปิดที่ 24.57 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ:น้ำมันWTI ปิดบวก 1.01 ดอลล์รับข่าวพายุซีต้าถล่มอ่าวเม็กซิโก

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) หลังมีรายงานว่าบริษัทน้ำมันของสหรัฐที่ดำเนินงานในอ่าวเม็กซิโกได้ระงับการผลิตลงเกือบ 50% เนื่องจากอิทธิพลของพายุ “ซีต้า” ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้สัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 1.01 ดอลลาร์หรือ 2.6% ปิดที่ 39.57 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 74 เซนต์หรือ 1.9% ปิดที่ 41.20 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดร่วง 222.19 จุดวิตกแผนกระตุ้นศก.ไม่คืบก่อนวันเลือกตั้ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนที่ผ่านมา (27 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากโฆษกทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่ารัฐบาลสหรัฐและพรรคเดโมแครตอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดีอย่างไรก็ดีดัชนีNasdaq ปิดในแดนบวกโดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีก่อนที่บริษัทรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์และแอปเปิลจะเปิดเผยผลประกอบการดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,463.19 จุดลดลง 222.19 จุดหรือ -0.80% ขณะที่ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,390.68 จุดลดลง 10.29 จุดหรือ -0.30% ส่วนดัชนีNasdaq ปิดที่ 11,431.35 จุดเพิ่มขึ้น 72.41 จุดหรือ +0.64%

เพโลซี-มนูชินคว้าน้ำเหลวเจรจาแผนกระตุ้นศก. ขัดแย้งประเด็นตรวจโควิดทั่วสหรัฐ

นางแนนซีเพโลซีประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐและนายสตีเวนมนูชินรัฐมนตรีคลังสหรัฐยังไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ในการเจรจาซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐเนื่องจากทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นที่แตกต่างกันในประเด็นที่สำคัญซึ่งได้แก่การตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19ให้กับประชาชนทั่วประเทศและแผนการติดตามผู้ที่ติดเชื้อ”ในขณะที่ประเทศของเรากำลังเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19ที่ทำสถิติสูงสุดนั้นเราก็ยังรอคอยคณะบริหารของทำเนียบขาวที่จะยอมรับเงื่อนไขด้านสาธารณสุขของเราซึ่งรวมถึงแผนยุทธศาสตร์การตรวจหาเชื้อทั่วประเทศและการติดตามผู้ติดเชื้อ” นายดรูว์แฮมมิลล์โฆษกและรองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของนางเพโลซีกล่าวพร้อมระบุว่านางเพโลซีและนายมนูชินใช้เวลาในการเจรจาประมาณ52นาทีในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐนางเพโลซีได้ออกแถลงการณ์ในวันจันทร์โดยย้ำว่า “สหรัฐยังไม่อยู่ในสถานการณ์ที่ปลอดภัยในการเปิดโรงเรียนและเศรษฐกิจนอกเสียจากว่าเราจะมีแผนการที่บังคับใช้ทั่วประเทศซึ่งได้แก่การตรวจหาเชื้อการติดตามผู้ติดเชื้อการบำบัดรักษาการสวมหน้ากากอนามัยการเว้นระยะห่างทางสังคมและมาตรการอื่นๆที่ยึดหลักการทางวิทยาศาสตร์เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19ทั้งนี้ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19นั้นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงลงเมื่อคืนนี้โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า600จุดและตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเช่นกัน

จีนนำเข้าสินค้าสหรัฐมากขึ้นแต่ยังห่างเป้าหมายตามดีลเฟสแรก

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลของสำนักงานศุลกากรจีน (GAC) ว่าจีนนำเข้าสินค้าจากสหรัฐมากขึ้นในเดือนก.ย. โดยมูลค่าสินค้าที่จีนนำเข้าจากสหรัฐตามข้อตกลงการค้าเฟสแรกนั้นอยู่ที่ 9.9 พันล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. ทำสถิตินำเข้ารายเดือนที่มากที่สุดอย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนเพียง 38.5% ของเป้าหมาย 1.7 แสนล้านดอลลาร์ตามที่ตกลงกันไว้ทั้งปีรายงานระบุว่ายอดนำเข้าที่เพิ่มขึ้นนั้นเป็นเพราะจีนนำเข้าน้ำมันถั่วเหลืองและรถยนต์มากขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งจากวิกฤตโควิด-19ทั้งนี้ภายใต้ข้อตกลงการค้าเฟสแรกซึ่งจีนและสหรัฐได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมานั้นจีนได้ตกลงที่จะเพิ่มคำสั่งซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐในช่วง 2 ปีข้างหน้าอีกอย่างน้อย 2 แสนล้านดอลลาร์ซึ่งรวมถึงสินค้าเกษตรมูลค่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์โดยคาดว่าการดำเนินการดังกล่าวจะช่วยให้สหรัฐมียอดขาดดุลการค้ากับจีนลดลง

วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียว “เอมีโคนีย์แบร์เรตต์” เป็นผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่

วุฒิสภาสหรัฐลงมติด้วยคะแนนเสียง 52 ต่อ 48 รับรองผู้พิพากษาเอมีโคนีย์แบร์เรตต์ให้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลฎีกาคนใหม่ตามที่ได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์การรับรองผู้พิพากษาแบร์เรตต์จะทำให้พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในคณะผู้พิพากษาศาลฎีกา 9 คนโดยมีผู้พิพากษาที่ได้รับการเสนอชื่อจากพรรครีพับลิกันถึง 6 คนในขณะที่ผู้พิพากษาที่ได้รับการแสนอชื่อจากพรรคเดโมแครตมีเพียง 3 คนนายลินซีย์เกรแฮมประธานคณะกรรมาธิการด้านยุติธรรมแห่งวุฒิสภาสหรัฐได้กล่าวยกย่องผู้พิพากษาแบร์เรตต์ว่า “ผมยังไม่เห็นใครที่จะมีความสามารถมากกว่าแบร์เรตต์เธอเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพสูงสุดสำหรับการดำรงตำแหน่งผู้พิพาษาศาลฎีกาสหรัฐผมเชื่อว่าแบร์เรตต์จะใช้กฎหมายด้วยความซื่อสัตย์โดยไม่ใช้ความรู้สึกส่วนตัว”  

ขอขอบคุณ : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

- Advertisement -