Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 22 ต.ค.63 (HGF)

- Advertisement -

624

- Advertisement -

ทองคำปรับขึ้นจากความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

ราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,900-1,930 ดอลลาร์

  • ราคาทองคำ Spot ปรับตัวขึ้นระดับสูงสุดที่ 1,931 ดอลลาร์เมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งราคาทองคำได้รับปัจจัยหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง นักลงทุนเข้าซื้อทองคำมากขึ้นเนื่องจากเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐ จากการที่ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และมีการคาดการณ์กันว่า ทั้งสองฝ่ายอาจจะเลื่อนการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงไปหลังการเลือกตั้ง รวมถึงความวิตกกังวลของยอดผู้ป่วยโควิดพุ่งสูงขึ้นในยุโรปอย่างต่อเนื่อง ทางด้านกองทุน SPDRGold Trust ขายทองคำ 0.58 ตัน
  • คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 38,000 ราย สู่ระดับ 860,000 ราย ดัชนีชี้นำภาวะเศรษฐกิจเดือนก.ย. โดย conference Board เพิ่มขึ้น 0.8% และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.20 ล้านยูนิต และติดตามการดีเบตรอบสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน โมแครตในวันศุกร์ที่ 23 ต.ค.เวลา 08.00-09.30 น.ตามเวลาไทย
  • แนวโน้มราคาทองคำคาดเคลื่อนไหวในกรอบ 1,900-1,930 ดอลลาร์ โดยมีแนวต้านที่ 1,930ดอลลาร์ และแนวต้านถัดไป 1,950 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับอยู่ที่ 1,900 ดอลลาร์ และ 1,890 ดอลลาร์ ตามลำดับ

ราคาทองตลาดโลก

- Advertisement -

Closechg.SupportResistance
1,924.00+17.71,900/1,8901,930/1,950

ราคาทองแท่ง 96.5%

Closechg.SupportResistance
28,350+15028,200/28,00028,500/28,600

โกลด์ฟิวเจอร์ส

ClosechgSupportResistance
28,490+13028,380/28,25028,650/28,730

- Advertisement -

แนะนำซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,900 ดอลลาร์  (GF 28,380บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,890 ดอลลาร์(GF 28,250บาท)

การลงทุนในทองแท่งแนะนำทยอยซื้อสะสมที่ราคาทองคำ Spot 1,900 ดอลลาร์

โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์

ClosechgSupportResistance
1,923.40+10.71,905/1,8951,935/1,955

แนะนำซื้อเมื่อราคาGOZ20ปรับลงมาที่ 1,905 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,895 ดอลลาร์

News

ตลาดการเงินต่างประเทศ:ดอลล์อ่อนค่าขณะตลาดหวังสหรัฐบรรลุข้อตกลงกระตุ้นศก.รอบใหม่

ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ต.ค.) ขณะที่นักลงทุนขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัยเนื่องจากยังคงมีมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่แม้ว่าทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ก็ตามดัชนีดอลลาร์ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงินลดลง 0.49% สู่ระดับ 92.6082

ตลาดโลหะมีค่าต่างประเทศ:ทองปิดบวก $14.1 รับดอลล์อ่อน-แรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ต.ค.) เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนแรงซื้อทองคำนอกจากนี้ความไม่แน่นอนของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังเป็นแรงผลักดันให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัยสัญญาทองคำตลาดCOMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 14.1 ดอลลาร์หรือ 0.74% ปิดที่ 1,929.5 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 26.1 เซนต์หรือ 1.04% ปิดที่ 25.241 ดอลลาร์/ออนซ์สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค. เพิ่มขึ้น 16.6 ดอลลาร์หรือ 1.89% ปิดที่ 893.9 ดอลลาร์/ออนซ์

ตลาดน้ำมันดิบต่างประเทศ: น้ำมันWTI ปิดร่วง 4% สต็อกน้ำมันสหรัฐลดน้อยกว่าคาด,

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ต.ค.) หลังจากที่สหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงน้อยกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้วประกอบกับความวิตกที่ว่าการแพร่ระบาดครั้งใหม่ของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันสัญญาน้ำมันดิบWTI ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.67 ดอลลาร์หรือ 4% ปิดที่ 40.03 ดอลลาร์/บาร์เรลสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนธ.ค. ลดลง 1.43 ดอลลาร์หรือ 3.3% ปิดที่ 41.73 ดอลลาร์/บาร์เรล

ตลาดหุ้นต่างประเทศ:ดาวโจนส์ปิดลบ 97.97 จุดนลท.ผิดหวังสหรัฐยังไม่บรรลุข้อตกลงกระตุ้นศก.

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนที่ผ่านมา (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังที่ทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกันได้ในการผลักดันมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจสหรัฐรอบใหม่และคาดการณ์กันว่าตลาดอาจจะต้องรอมาตรการดังกล่าวไปจนกว่าจะถึงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,210.82 จุดลดลง 97.97 จุดหรือ -0.35%, ดัชนีS&P500 ปิดที่ 3,435.56 จุดลดลง 7.56 จุดหรือ -0.22% และดัชนีNasdaq ปิดที่ 11,484.69 จุดลดลง 31.80 จุดหรือ -0.28%

รมว.อังกฤษเตรียมเยือนญี่ปุ่นเซ็นข้อตกลงการค้าฉบับแรกหลังBrexit

กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ว่านางลิซทรัสส์รัฐมนตรีการค้าระหว่างประเทศของอังกฤษมีแผนเดินทางเยือนญี่ปุ่นในวันศุกร์ที่จะถึงนี้เพื่อลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างสองประเทศหลังจากที่อังกฤษถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit)สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่าญี่ปุ่นและอังกฤษบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีเมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาโดยข้อตกลงจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในเดือนม.ค.ปีหน้าหลังสิ้นสุดช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอังกฤษในการถอนตัวออกจากEU ในเดือนธ.ค.  ทั้งนี้อังกฤษบรรลุข้อตกลงการค้าเสรีกับญี่ปุ่นเป็นชาติแรกก่อนที่จะแยกตัวออกจากEU อย่างเป็นทางการในช่วงสิ้นปีนี้โดยนอกเหนือจากญี่ปุ่นแล้วอังกฤษยังอยู่ระหว่างเจรจาการค้ากับสหรัฐออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างญี่ปุ่นและอังกฤษยังคงดำเนินไปแม้จะเลยช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านของอังกฤษในการถอนตัวออกจากEU ในปลายปีนี้

แอสตร้าเซนเนก้าจ่อเริ่มทดลองวัคซีนโควิดในสหรัฐอีกครั้งสัปดาห์นี้

แอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของอังกฤษคาดว่าจะกลับมาเริ่มทดลองวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในสหรัฐได้อย่างเร็วที่สุดภายในสัปดาห์นี้สื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของแหล่งข่าวว่าสำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เสร็จสิ้นกระบวนการตรวจสอบเรื่องผลข้างเคียงต่อผู้ป่วยจากการใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเรียบร้อยแล้วและจะอนุญาตให้บริษัทสามารถกลับมาเริ่มดำเนินการทดลองทางคลินิกสำหรับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในสหรัฐได้อีกครั้งภายในสัปดาห์นี้อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าFDA จะสรุปเรื่องผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีนดังกล่าวออกมาในรูปแบบใดขณะที่โฆษกของFDA ยังคงปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องนี้เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมาหลายประเทศทั่วโลกได้ระงับการทดลองวัคซีนAZD1222 ที่แอสตร้าเซนเนก้าพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเนื่องจากอาสาสมัครรายหนึ่งมี “อาการป่วยที่ไม่สามารถอธิบายได้” หลังได้รับการฉีดวัคซีนดังกล่าวทั้งนี้การทดลองวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าได้เริ่มขึ้นอีกครั้งแล้วในสหราชอาณาจักร, บราซิล, แอฟริกาใต้และอินเดีย

“ทรัมป์” เปิดบัญชีธนาคารจีน-ยอมจ่ายภาษีท้องถิ่นหาช่องทางทำธุรกิจโรงแรม

หนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ได้เปิดเผยถึงการวิเคราะห์ข้อมูลการเสียภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ทรัมป์ซึ่งบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์มีบัญชีธนาคารอยู่ในจีนนอกเหนือจากในอังกฤษและในไอร์แลนด์ทั้งนี้บริษัทTrump International Hotels Management LLC ของตระกูลทรัมป์เป็นผู้ถือบัญชีที่เปิดกับธนาคารจีนและมีข้อมูลการเสียภาษีในจีนเป็นจำนวนเงิน188,561ดอลลาร์ในช่วงปี2556-2558นายอลันการ์เทนทนายความประจำบริษัทTrump International Hotels Management ได้ตอบคำถามของหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ว่าบริษัทTrump ได้เปิดบัญชีกับธนาคารจีนที่มีสาขาอยู่ในสหรัฐเพื่อจ่ายภาษีท้องถิ่นเนื่องจากมีแผนที่จะเข้าไปทำธุรกิจในจีนโดยได้ทำการเปิดบัญชีธนาคารหลังจากตั้งสำนักงานขึ้นในจีนเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ในการทำธุรกิจโรงแรมในเอเชียอย่างไรก็ดีนายการ์เทนไม่ได้ระบุว่าธนาคารจีนที่บริษัทTrump เปิดบัญชีไว้นั้นเป็นธนาคารใดนายการ์เทนกล่าวว่าบริษัทTrump ไม่มีการทำข้อตกลง, ธุรกรรมหรือกิจกรรมทางธุรกิจอื่นๆแต่อย่างใดและสำนักงานดังกล่าวของบริษัทในจีนได้หยุดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี2558แม้จะยังคงมีบัญชีธนาคารอยู่แต่ก็ไม่ได้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่นแต่อย่างใดทั้งนี้ในการเปิดเผยข้อมูลการเงินต่อสาธารณะนั้นปธน.ทรัมป์ไม่ได้แสดงข้อมูลบัญชีในต่างประเทศเนื่องจากเป็นการเปิดบัญชีในนามของบริษัท

ขอขอบคุณ : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)

- Advertisement -

Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More