Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

ทองคำจะปรับตัวลดลงจากแรงเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย (YLG)

- Advertisement -

0 743

- Advertisement -

16-7-20

เน้นการเก็งกำไรในกรอบ 1,797-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากราคาทองคำยังคงพยายามยืนเหนือโซนแนวรับแรกได้ ทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านอีกครั้ง

แนวรับ : 1,797 1,786 1,773 แนวต้าน : 1,818 1,831 1,843

สรุปราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.21 ดอลลาร์ต่อออนซ์  แม้ว่าในระหว่างวัน  ราคาทองคำจะปรับตัวลดลงจากแรงเทขายทำกำไรสินทรัพย์ปลอดภัย  หลังสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นทะยานขึ้นขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัส COVID-19 ของบริษัท Moderna ที่สามารถสร้างสารภูมิคุ้มกันไวรัสในระดับสูง ซึ่งหนุนความหวังที่ว่า วัคซีนดังกล่าวอาจมีประสิทธิภาพในการทดสอบขั้นต่อไป  ประกอบกับสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดหลายรายการ  ไม่ว่าจะเป็นดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ที่ดีดตัวขึ้นเกินคาดสู่ระดับ 17.2 ในเดือนก.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐพุ่งขึ้นเกินคาด 5.4% ในเดือนมิ.ย.  และดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย.  สะท้อนเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัว  สอดคล้องกับรายงาน Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายรัฐในสหรัฐผ่อนคลายมาตรการ Lockdown  ปัจจัยที่กล่าวมากดดันให้ราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดบริเวณ 1,802 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ก่อนที่จะมีแรงซื้อเข้ามาพยุงราคาเอาไว้  ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับตัวเลขผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายใหม่ในสหรัฐที่ยังคงทะยานขึ้นต่อเนื่อง  ล่าสุด Johns Hopkins University เผยว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 รายใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้น 67,417 รายเมื่อวานนี้  ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนยังคงดำเนินต่อไป  ล่าสุดสหรัฐเตรียมจะจำกัดวีซ่าต่อบริษัทต่างๆของจีน เช่น Huawei Technologies Co Ltd ฐานเอื้อประโยชน์ต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชน  ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้นักลงทุนยังคงเข้าซื้อทองคำเมื่อราคาอ่อนตัวลง  สำหรับวันนี้ติดตามผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป(ECB) และแถลงการณ์ของประธาน ECB รวมถึงติดตามการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐ  อาทิ  ยอดค้าปลีก, ดัชนีภาคการผลิตจากเฟดฟิลาเดลเฟีย  และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

- Advertisement -

  • (+) “จอห์น ฮอปกินส์”เผยผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ในสหรัฐพุ่งนิวไฮกว่า 6.7 หมื่นราย  มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐพุ่งขึ้น 67,417 รายเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์  ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดในหลายรัฐ ส่วนใหญ่ทางภาคใต้และตะวันตก โดยผู้ป่วยในแคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัสรวมกันมีจำนวน 31,847 ราย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ป่วยรายใหม่ทั่วประเทศ  ทั้งนี้ ค่าเฉลี่ยจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในสหรัฐอยู่ที่ระดับ 62,210 รายในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นตัวเลขเฉลี่ยที่สูงเป็นประวัติการณ์ และพุ่งขึ้น 21% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่มากกว่า 3 เท่าเมื่อเทียบกับเดือนที่แล้ว
  • (+) ดอลล์อ่อน เหตุนลท.ขายสกุลเงินปลอดภัยหลังวัคซีนโควิดคืบหน้า  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย หลังจากโมเดอร์นา (Moderna) ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ เปิดเผยความคืบหน้าในการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.18% สู่ระดับ 96.0879 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.95 เยน จากระดับ 107.20 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3508 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3621 ดอลลาร์ แต่เมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 0.9455 ฟรังก์ จากระดับ 0.9391 ฟรังก์  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1405 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1393 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2580 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2555 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.6998 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.6968 ดอลลาร์สหรัฐ
  • (-) เฟดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งเกินคาดในเดือนมิ.ย.  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานในวันนี้ว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐพุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการดีดตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 2 หลังจากปรับตัวขึ้น 1.4% ในเดือนพ.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมจะปรับตัวขึ้น 4% ในเดือนมิ.ย.
  • (-) เฟดนิวยอร์คเผยดัชนีภาคการผลิตดีดตัวเป็นบวกในเดือนก.ค. ครั้งแรกรอบ 5 เดือน  ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) ดีดตัวขึ้นสู่ระดับ 17.2 ในเดือนก.ค. หลังจากแตะระดับ -0.2 ในเดือนมิ.ย.  ดัชนีอยู่เหนือระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก โดยดัชนีมีค่าเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.พ.
  • (-) สหรัฐเผยดัชนีราคานำเข้าพุ่งสูงสุดรอบกว่า 8 ปีในเดือนมิ.ย.  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนพ.ค.  นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่าดัชนีราคานำเข้าจะปรับตัวขึ้น 1.0% ในเดือนมิ.ย.
  • (-) ดาวโจนส์ปิดบวก 227.51 จุด รับข่าววัคซีนต้านโควิด,ผลประกอบการ”โกลด์แมน แซคส์”  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (15 ก.ค.) ขานรับความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งผลประกอบการที่แข็งแกร่งของโกลด์แมน แซคส์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือ Beige Book ซึ่งระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้น หลังจากหลายรัฐในสหรัฐผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,870.10 จุด เพิ่มขึ้น 227.51 จุด หรือ +0.85% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,226.56 จุด เพิ่มขึ้น 29.04 จุด หรือ +0.91% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,550.49 จุด เพิ่มขึ้น 61.91 จุด หรือ +0.59%
  • (+/-) “Beige Book”ชี้กิจกรรมปรับขึ้นในบริษัทสหรัฐแต่ถูกถ่วงโดยการทะยานขึ้นของโควิด-19  วันนี้รายงานของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แสดงว่า ธุรกิจสหรัฐมีการปรับขึ้นของกิจกรรมในช่วงต้นเดือนก.ค. ขณะที่รัฐต่างๆผ่อนปรนมาตรการจำกัดเพื่อควบคุมการะบาดของโควิด-19 แต่ยังคงมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ท่ามกลางการทะยานขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ของยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในหลายพื้นที่ของประเทศ  ภาพผสมผสานที่แสดงในรายงานทัศนะของบริษัทฉบับล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐสะท้อนถึงข้อมูลเศรษฐกิจในวงกว้าง ตั้งแต่อัตราการว่างงานไปจนถึงกิจกรรมการผลิต ซึ่งปรับตัวดีขึ้นนับตั้งแต่ผ่อนปรนคำสั่งเก็บตัวอยู่ในบ้านในหลายพื้นที่ของประเทศภายในสิ้นเดือนพ.ค. แต่อาจแสดงสัญญาณความอ่อนแอลงในเร็วๆนี้  เฟดระบุในรายงานว่า “กิจกรรมเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นในเกือบทุกเขต แต่ยังต่ำกว่าจุดที่เคยเป็นก่อนการระบาดของโควิด-19 แนวโน้มยังคงไม่แน่นอนอย่างสูงขณะที่ผู้ติดต่อคาดเดาว่า การระบาดของโควิด-19 จะดำเนินไปนานเพียงใดและระดับของผลกระทบทางเศรษฐกิจจะมากเพียงไร”  ผลสำรวจของเฟด ซึ่งรู้จักกันในชื่อ “Beige Book” จัดทำทั่วทั้ง 12 เขตตั้งแต่สิ้นเดือนพ.ค.ถึง 6 ก.ค.

ขอขอบคุณ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Leave A Reply

Your email address will not be published.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More