หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาทองคำได้ทะยานขึ้นไปแตะ ระดับ 1,959 ดอลลาร์ จนทำให้หลายคนมองว่าราคาทองคำจะกลับเทรนด์มาเป็นขาขึ้น และมีโอกาสที่จะกลับไปแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ หรือทะลุขึ้นไปยังจุดสูงสุดเดิม
แต่หลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ ราคาทองคำได้ร่วงมาแตะ ระดับ 1,817 ดอลลาร์ และ 1,802 ดอลลาร์ในเวลาต่อมา ก่อนจะดีดกลับมาแตะแนว 1,875 ดอลลาร์ หลัง”โจ ไบเดน” สาบานตนเป็น ปธน.สหรัฐคนใหม่ และเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำมาปิดตลาดที่ 1,855 ดอลลาร์(ดูกราฟราคาทองคำ..)
หลายคนได้ตั้งคำถามว่า..เหตุใดราคาทองคำถึงยังไม่พุ่งทะยานไปไกล..ทั้งที่มีปัจจัยหนุนมากมาย..และก่อนหน้านี้ได้มีการคาดการณ์กันว่าราคาทองคำอาจจะพุ่งทำลายสถิตเดิม..
ทางนายพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด จำกัด หรือ SCT GOLD ได้อธิบายกับ Goldaround.com ว่า หลังจากที่ “โจ ไบเดน” ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ ทำให้นโยบายด้านเศรษฐกิจเปลี่ยน โดย “โจ ไบเดน” จะพยายามรักษาสเถียรภาพของเงินดอลลาร์ให้มั่นคง โดยจะพยายามแทรกแซงค่าเงินดอลลาร์ใม่ให้อ่อนค่าลงไปมากด้วยการใช้บอนด์ยีลเป็นเครื่องมือเสริม และจะทำให้ตลาดหุ้นขยายตัวเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐเอาไว้
ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า “เจเน็ต เยลเลน” รมว.คลังคนใหม่ ได้ออกมาพูดถึงเรื่องเสถียรภาพของค่าเงินดอลลาร์ไปแล้ว และจะต้องดูว่าผลการประชุม FED ในสัปดาห์นี้ ว่าจะรับลูกกับนโยบายดังกล่าวอย่างไร
หากทุกอย่างเป็นไปตามแนวทางนี้จะไม่เป็นผลดีต่อราคาทองคำในระยะสั้น และจะทำให้การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในปีนี้ไม่กระชากรุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา แต่จะเคลื่อน ไหวเป็นรอบๆ ตามกรอบแนวรับแนวต้าน ยกเว้นจะเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายที่ส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุน
“เท่าที่มองในภาพรวมทางเทคนิคขณะนี้ราคาทองคำยังคงอยู่ในเวฟ 4 และสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะสั้นคือราคาทองคำอาจจะย่อตัวลงมาปรับฐานใหม่อีกรอบแถว 1,700 ดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นการ Form bottom เพื่อพุ่งทะยานไปข้างหน้ายาวๆ แต่ขณะนี้กำลังเฝ้าติดตามแนวรับที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ว่าจะเอาอยู่หรือไม่ หากไม่หลุดลงต่ำไปกว่าแนวนี้จะเป็นภาพดีต่อราคาทองคำ และหากว่าราคาทองคำสามารถวิ่งทะลุ 1,900 ดอลลาร์ได้ จะทำให้เทรนด์ของราคาทองคำเปลี่ยนเป็น Bull ทันที โดยแนวต้านต่อไปจะอยู่ที่ 1,960 ดอลลาร์ และอาจจะพุ่งทะลุจุดสูงสุดเดิม”กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด จำกัด กล่าว
ส่วนกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ นักลงทุนระยะสั้น แนะนำให้เล่นตามสวิงรอบ ส่วนนักลงทุนระยะกลาง ให้รอราคาย่อตัว เมื่อราคาทองคำลงไปแตะระดับ 1,800 ดอลลาร์ ให้เข้าซื้อ 1 ไม้ และหากราคาลงไปต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ ให้เข้าซื้ออีก 1 ไม้ เพื่อเป็นการลงทุนในอนาคต
ส่วนนักลงทุนที่ถือทองคำในราคาเกิน 2,000 ดอลลาร์ให้ปรับสถานะเป็นลงทุนระยะยาว หรือไม่ยอมคัททิ้ง เพื่อมารอซื้อใหม่เมื่อราคาย่อตัว เพราะแนวโน้มระยะกลางถึงระยาว(มากกว่า 2-3 เดือน)มองว่าราคาทองคำยังมีอนาคตที่ดี เพราะสหรัฐจะต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกหลายรอบ หลังจากที่ “โจ ไบดน” ได้แถลงรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกไปแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา(อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม…) ซึ่งจะทำให้ต้องพิมพ์เงินออกมาเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งตามหลักวิชาการแล้วจะทำให้เกิดเงินจะต้องเฟ้ออย่างแน่นอน
นอกจากนั้นยังมีปัจจัยหนุนเรื่องสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งอาจจะกลับมาประทุอีกรอบ หรือ “โจ ไบเดน” อาจจะยกระดับขึ้นเป็นสงครามเย็น ซึ่งจะอาจจะทำให้ราคาทองคำวิ่งไปแตะระดับ 2,000 ดอลลาร์ หรือทะลุไปมากกว่านั้นได้
ขอบคุณข้อมูลจาก บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด จำกัด หรือ SCT
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.