จับตาราคาทองคำไทย ทำลายสถิติเดิม 27,100 บาท หลังแนวโน้มบาทยังอ่อนค่า – gold spot ขยับขึ้นต่อเนื่อง (GRC)
15-07-20
หลังจากที่เฝ้ารอมานาน ในที่สุดวันนี้ (15 ก.ค.) ราคาขายทองคำในประเทศ ได้พุ่งไปแตะที่ระดับบาทละ 27,000 บาทเป็นเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ต้องรอดูว่า ราคาจะสามารถทำลายสถิติที่ทำไว้เมื่อกว่า 9 ปี ที่ระดับบาทละ 27,100 บาทหรือไม่
ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น นอกจากเรื่องของราคา gold spot ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นจนทำสถิติใหม่มาหลายรอบแล้ว ก็คือ เรื่องของค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง โดยจากเมื่อต้นเดือน กรกฏาคม ค่าเงินบาทอยู่ที่ 30.90 บาท ต่อดอลลาร์ เมื่อวานนี้ (14 ก.ค.) ได้อ่อนค่าลงมาแตะระดับ 31.60 บาท ต่อดอลลาร์ ก่อนที่จะมาเคลื่อนไหวที่ระดับ 31.50 บาท ต่อดอลลาร์ ทำให้เดือนนี้ เฉพาะปัจจัยการอ่อนค่าของเงินบาททำให้ราคาทองคำในประเทศเพิ่มขึ้นบาทละ 500-600 บาท และแนวโน้มค่าเงินบาทจะอ่อนลงอีก โดยคาดว่าอาจจะไปแตะที่ ระดับ 32 บาท ต่อดอลลาร์ ได้
ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวกับ GoldAround.com
ทั้งนี้ การที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวในขณะนี้ ก็ถือว่าสมเหตุสมผล เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยอ่อนค่าจนไปแตะระดับ 32 บาท ต่อดอลลาร์ มาแล้ว ก่อนที่จะแข็งค่าขึ้นมาเคลื่อนไหวแถว 30 บาท ต่อดอลลาร์ สาเหตุที่ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนตัว เนื่องมาจากค่าเงินดอลลาร์ได้แข็งค่าขึ้นมาก ประกอบกับประเทศไทยเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่ จ.ระยอง และ ที่แถว ถ.สุขุมวิท แต่เมื่อรัฐบาลเข้าไปควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ทำให้ค่าเงินเริ่มแข็งค่ากลับมาเล็กน้อย
ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวของราคาทองคำนั้น ในภาพรวมจะเห็นว่าราคาเคลื่อนไหวในลักษณะ sideway ในกรอบ 1,800-1,820 ดอลลาร์ โดยราคาอาจจะหลุดต่ำกว่ากรอบไปบ้าง แต่สุดท้ายก็สามารถดีดกลับมายืนเหนือระดับ 1,800 ดอลลาร์ได้ตลอด ซึ่งปัจจัยหนุนการปรับตัวของราคาทองคำ ทั้งเรื่องของข่าวสารที่ออกมา รวมถึงปัจจัยทางด้านเทคนิคก็ยังไปได้ดี ทำให้มองว่า แนวโน้มการปรับตัวขึ้นยังดูดี โดยกรอบแนวต้านต่อไปหากราคาทองคำสามารถทะลุกรอบที่คาดการณ์ไว้ไปได้ ก็คือ 1,846 ดอลลาร์ จากนั้นก็มองไปที่ระดับ 1,900 ดอลลาร์
ในทางกลับกัน หากราคาทองคำขึ้นไปทดสอบแนวต้านหลายรอบแล้วยังไม่ผ่าน ราคาอาจจะมีการปรับฐาน ให้มองกรอบแนวรับที่ระดับ 1,780 ดอลลาร์ แต่หากราคาไหลลงแรงกว่านั้นก็อาจจะไปเริ่มต้นใหม่ที่ระดับ 1,750 ดอลลาร์
ขอขอบคุณ : ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ