- Advertisement -

25-07-20

ช่วงนี้คำถามที่เข้ากันมามากมาย ก็คือ ราคาทองคำพุ่งทะยานขนาดนี้แล้ว ยังจะน่าเข้าซื้อลงทุนอีกหรือไม่ ตอบตรงนี้เลยว่า..ไม่กล้าตอบ เพราะกลัวจะไปขัดลาภ หากราคามันยังวิ่งไปต่อ..

ทีมงาน GoldAround ^_^

แต่อยากจะให้มาดูสถิติการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงปีนี้ และ ในช่วงเดือน กรกฎาคม นี้ ซึ่ง นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด ได้รวบรวมข้อมูลมาให้ GoldAround.com ได้นำเสนอ จากนั้นขอให้ผู้อ่านพิจารณาข้อมูลดังกล่าว เพื่อใช้ตัดสินใจว่า จะเดินกลยุทธ์อย่างไรต่อไป

กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวว่า ในช่วงต้นปี ราคา gold spot เปิดตัวที่ระดับ 1,518 ดอลลาร์ จากนั้น ได้ขยับเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จากปัญหาต่าง ๆ ทั้งความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ กับอิหร่าน และสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 ซึ่งถือเป็นต้นตอของวิกฤตในขณะนี้ ทำให้ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งราคาได้ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบ 9 ปีที่ระดับ 1,903 ดอลลาร์ โดยปรับตัวขึ้นมากว่า 300 ดอลลาร์ หรือ คิดเป็น 24 เปอร์เซ็นต์

- Advertisement -

ขณะที่ค่าเงินบาท เมื่อช่วงต้นปีอยู่ที่ 29.8 บาท ต่อดอลลาร์ ขณะนี้อยู่ที่ 31.65 บาท ต่อดอลลาร์ อ่อนค่าลงไป 6 เปอร์เซ็นต์

ส่วนราคาทองคำในประเทศ ช่วงต้นปีอยู่ที่ บาทละ 21,400 บาท ขณะนี้อยู่ที่บาทละ 28,400 บาท เพิ่มขึ้นมาบาทละ 7,000 บาท หรือ ประมาณ 31 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าได้ปรับตัวขึ้นมาสูงมาก และได้ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง

หากนับเฉพาะเดือน กรกฎาคม เดือนเดียว จะพบว่าเมื่อช่วงต้นเดือนราคา gold spot อยู่ที่ระดับ 1,807 ดอลลาร์ แต่ขณะนี้ ได้ขยับขึ้นมาอยู่เหนือระดับ 1,900 ดอลลาร์ ขึ้นมาเกือบ 100 ดอลลาร์ ขณะที่ ราคาทองคำในประเทศเริ่มจากบาทละ 27,150 บาท ขณะนี้อยู่ที่บาทละ 28,400 บาท เพิ่มขึ้นมาถึงบาทละ 1,250 บาท และได้ทำลายสถิติราคาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเดือนที่ราคาทองคำได้ปรับตัวร้อนแรงครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการค้าทองคำเลยทีเดียว

การปรับขึ้นของราคาทองคำในเดือน กรกฎาคม ถือว่าเหนือความคาดหมายจากนักวิเคราะห์หลายสำนัก เพราะเดือนนี้มีปัจจัยร้อน ๆ ที่เกิดขึ้นมาถึง 3 เรื่องพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น การอัดฉีดเงินของ EU กว่า 7 แสนล้านปอนด์ เพื่อแก้วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นจากไวรัส โควิด-19 ขณะที่สหรัฐอเมริกาก็พร้อมที่จะอัดฉีดเงินเพิ่มอีกกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์เช่นกัน และปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ที่ส่อเค้าจะหักหนาพอ ๆ กับสงครามการค้าที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ขณะที่เรื่องของจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัส โควิด-19 ก็ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีความคืบหน้าการผลิตวัคซีนออกมาเป็นระยะ แต่กว่าที่จะใช้ได้จริงก็คงเป็นหลังปีหน้าไปแล้ว ปัจจัยเหล่านี้จึงผลักดันให้ราคาทองคำวิ่งทะลุระดับ 1,900 ดอลลาร์ อย่างรวดเร็ว และน่าจะทะลุระดับ 1,920 ดอลลาร์ ได้ไม่ยาก เพราะมีแต่ปัจจัยบวกต่อราคาทองคำแทบทั้งสิ้น

ส่วนปัจจัยที่จะส่งผลลบต่อราคาทองคำนั้น ขณะนี้มีเพียงแนวต้านทางจิตวิทยา และกลยุทธ์ของกลุ่มกองทุนที่นำตลาดทองคำอย่าง SPDR เท่านั้น เมื่อมองย้อนไปในปี 2009 ที่ SPDR ซื้อทองคำมากสุด อยู่ที่ระดับ 353.39 ตัน แต่ในปีนี้ ผ่านมาเพียง 7 เดือน SPDR ซื้อทองคำไปแล้วถึง 335 ตัน เฉพาะเดือน ก.ค. ซื้อไปแล้วเกือบ 50 ตัน

- Advertisement -

ในปีนี้ SPDR ได้ซื้อทองคำเข้าสุทธิเพิ่มขึ้นตลอดทุกเดือน ซื้อมากสุดคือในเดือน พ.ค. จำนวน 66.64 ตัน ขณะที่เดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซื้อเข้า 55.76 ตัน โดยที่ไม่มีเดือนไหนที่ตัวเลขติดลบ โดยวันที่ 20 มี.ค. SPDR เทขายทองคำมากที่สุดของปี จำนวน 14.05 ตัน ส่วนวันที่ 20 เดือน มิ.ย. SPDR เข้าซื้อทองคำมากที่สุด 23.09 ตัน ทำให้ขณะนี้ SPDR ถือครองทำถึง 1,228.81 ตัน จากเมื่อต้นปีอยู่ที่ 893.25 ตัน จึงจะต้องมาติดตามว่า กลยุทธ์ของ SPDR หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร จะมีการขายทองเพื่อทำกำไรบ้างหรือไม่ ซึ่งจากสถิติ SPDR เทขายทองคำมากสุดในปี 2013 จำนวน 550 ตัน

กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า หากจะมองย้อนไปดูในช่วงที่ราคาทองคำทำสถิติสูงสุดที่ระดับ บาทละ 27,100 บาท เมื่อวันที่ 6 กันยายน เมื่อ 9 ปีที่แล้ว ก่อนจะถูกทำลายลงอย่างราบคราบในเดือนนี้ จะพบว่า ราคาได้ไต่จากระดับบาทละ 26,000 บาท ในวันที่ 2 กันยายน และเพิ่มขึ้นถึงบาทละ 1,100 บาท ในช่วงเวลา 4 วัน อย่างไรก็ดีหลังจากที่ราคาได้ทำสถิติสูงสุด ในวันต่อมา ราคาทองคำได้ปรับตัวลดลงถึงบาทละ 950 บาท ก่อนที่จะค่อย ๆ ขยับลดลงอย่างต่อเนื่อง

การที่ยกตัวเลขดังกล่าวมา ไม่ได้ชี้ให้เห็นว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำในครั้งนี้จะเหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เพราะสถานการณ์ที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในช่วงนั้น กับปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ ต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเมื่อ 9 ปีที่แล้ว ปัญหาเกิดขึ้นจากวิกฤตทางการเงิน แต่ปัญหาในครั้งนี้ เริ่มจากปัญหาทางสังคมก่อนจะทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจตามมา

นี่คือ สถิติที่เกิดขึ้นกับวงการค้าทองคำที่ได้นำมาเสนอ เพื่อใช้ประกอบการตัดสินใจการลงทุนทองคำ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว ทั้งนี้ ในภาพรวมแล้ว เทรนด์ใหญ่ของราคาทองคำยังเป็นขาขึ้นชัดเจน

“แต่ยังไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ในรอบนี้ ราคาจะวิ่งไปสุดที่ระดับใดและเมื่อไร? ราคาจะทะลุ 2,000 ดอลลาร์หรือไม่? ราคาจะทะลุ บาทละ 30,000 บาทหรือไม่? ราคาจะวิ่งยาวไปรอบเดียวเลยหรือไม่?“

เพราะยังมีปัจจัยทั้งที่เป็น วาระหลัก และวาระจร เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จึงต้องลงทุนด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะยิ่งสูงมันยิ่งหนาวจริง ๆ

ขอขอบคุณ : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด

- Advertisement -