ในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำ ปรับลดลงกว่า 30 ดอลลาร์ โดยไปแตะจุดต่ำสุดที่ 1,745 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 1,754 ดอลลาร์ โดยปัจจัยหลักยังคงเป็นการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ พร้อมปิดตลาดในสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยการแข็งค่าขึ้น 0.6% เช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือนที่ 1.3855%
นอกจากนั้นราคาทองคำยังถูกกดันจาก ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่ง ทั้งยอดค้าปลีกเดือน ส.ค. ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียเดือนก.ย. ทำให้กังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะส่งสัญญาณปรับลดการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ก่อนสิ้นปีนี้ในการประชุมนโยบายการเงินวันที่ 21-22 ก.ย.นี้
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ลดลงไปแตะระดับ 1,742 ดอลลาร์ ก่อนที่จะกลับมาเคลื่อนไหวแถวๆ 1,750 ดอลลาร์ (ดูกราฟการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ) แต่แนวโน้มไม่สู้ดีนัก และยังมีโอกาสที่จะลงไปแตะจุดต่ำกว่านี้ได้
ขณะที่ราคาทองคำในประเทศที่ประกาศโดยสมาคมค้าทองคำ ได้ผันผวนแต่เช้า หลังจากเปิดราคาแรกลดลง 50 บาท จากนั้นได้ปรับราคาขึ้น 1 ครั้ง และลง 1 ครั้ง ทำให้ราคารับซื้อทองคำแท่ง ล่าสุดอยู่ที่บาทละ 27,550 บาท ขณะที่ราคาขายออก อยู่ที่บาทละ 27,650 บาท(ดูตารางราคาทองคำของสมาคมค้าทองคำ)
ทั้งนี้ภาพรวมในสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาทองคำในประเทศลดบาทละ 50 บาท แต่ราคาค่อนข้างจะผันผวน โดยปรับขึ้น-ลง บางวันมากถึง 6 ครั้ง แต่ยังโชคดีที่ในช่วงท้ายสัปดาห์ได้เงินาทอ่อนค่ามาอุ้มไว้ทำให้ราคาลดลงไม่มาก
ขณะที่ กองทุน SPDR ซื้อทองคำ 3.49 ตัน สู่ระดับ 1,001.66 ตันหลังจากขายทองคำติดต่อกัน 6 สัปดาห์ (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม)
หมายเหตุ : เนื้อหาข้างต้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่การชักชวนให้ซื้อ-ขาย หรือลงทุน หรือเป็นเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ และอาจะไม่สะท้อนถึงความเห็นของ GoldAround.com ทั้งนี้ทีมงานไม่ยอมรับความผิดในความสูญเสีย และหรือ ความเสียหายที่เกิดจากการใช้ข้อมูลข้างต้น
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.