ราคาทองคำ ปรับลดลงมา $50 หลังปิดตลาดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยไม่สามารถยืนเหนือ $2,000 ได้ หลังความเชื่อมั่นในภาคธนาคารกลับคืนมาได้
ทั้งนี้ ตลาดกำลังจับตาไปที่ไปการพิจารณาของคณะกรรมาธิการสภาและวุฒิสภา 2 คณะ ในวันอังคาร และ วันพุธ เพื่อตรวจสอบความล้มเหลวด้านกฎระเบียบที่นำไปสู่การล่มสลายของ Silicon Valley Bank และ Signature Bank
ทั้งนี้ ผู้ที่เข้าให้ข้อมูลคือ Michael Barr รองประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้านการกำกับดูแล Federal Deposit Insurance Corp. (FDIC) และ Nellie Liang ปลัดกระทรวงการคลัง
โดย Barr ได้ตำหนิความล้มเหลวในการดำเนินงานของธนาคาร แต่ระบบธนาคารยังคงแข็งแกร่งและยืดหยุ่น พร้อมระบุว่าจะตรวจสอบเงื่อนไขในระบบธนาคารอย่างใกล้ชิดต่อไป
นอกจากนั้น จะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ในการตรวจสอบสถาบันการเงินขนาดต่าง ๆ ตามความจำเป็น เพื่อให้ระบบปลอดภัยและมั่นคง
ขั้นตอนแรกที่จะทำ ก็คือ การตรวจสอบข้อเท็จจริง – พิจารณาการกำกับดูแลและกฎระเบียบของ SVB ก่อนที่จะเกิดความล้มเหลว การตรวจสอบนี้จะละเอียดถี่ถ้วนและโปร่งใส และจะรายงานต่อสาธารณะภายในวันที่ 1 พ.ค.
การล่มสลายของ Silicon Valley Bank, Signature Bank และ Credit Suisse ได้สร้างความกลัวด้านเสถียรภาพทางการเงิน และก่อให้เกิดความเชื่อมั่นในความเสี่ยงครั้งใหญ่ ที่สำคัญได้เปลี่ยนมุมมองนโยบายการเงินของเฟด จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
Jeremy De Pessemier asset allocation strategist ของ World Gold Council กล่าวว่า
ความล้มเหลวของธนาคารระดับภูมิภาคของสหรัฐฯ 2 แห่ง และธนาคารสวิสรายใหญ่ 1 แห่ง และต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้นในปีที่แล้ว เป็นผลกระทบของการคุมเข้มทางการเงินที่จะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และช่องโหว่ที่เกี่ยวข้องกับขั้นตอนการเข้มงวดก็มักจะปรากฏขึ้นแบบที่คาดไม่ถึง ซึ่งจะทำให้เฟดต้องเพิ่มระมัดระวังในการดำเนินนโยบายหลังจากนี้
สถานการณ์นี้ สนับสนุนตลาดทองคำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมันจะถูกผสมผสานกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยเล็กน้อย
โดยทองคำมีบทบาทสำคัญในฐานะสินทรัพย์การลงทุนระยะยาว และเป็นตัวหลักในการจัดสรรพอร์ตโฟลิโอที่มีความหลากหลาย โดยนักลงทุนสามารถรับรู้มูลค่าทองคำได้มากในช่วงเวลาที่ตลาดตึงเครียด
Carlo Alberto De Casa external market analyst ของ Kinesis Money กล่าวว่า
ปฏิกิริยาในทันทีจากนักลงทุน ต่อแนวโน้มของเฟดที่เปลี่ยนไป คือ การเข้าสู่ตลาดทองคำ
โดยเมื่อต้นเดือน มี.ค. อัตราดอกเบี้ยของเฟดคาดว่าจะสูงสุดระหว่าง 5.50% ถึง 6.00% ก่อนที่จะเริ่มชะลอตัวลงในปี 2567
แต่ตอนนี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยล่าสุด จาก 4.75% เป็น 5.00% นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า กระบวนการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว
ที่มา : Kitco.com
Comments are closed.