27-7-20
เข้าซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวลงมาใกล้ 1,904-1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากหลุด 1,884 ดอลลาร์ต่อออนซ์) หรือหากรับความเสี่ยงได้ไม่มากอาจเลือกชะลอเพื่อรอดูการสร้างฐานของราคา
แนวรับ : 1,900 1,884 1,869 แนวต้าน : 1,920 1,934 1,947
สรุปราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดทะยานขึ้น 16.59 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังคงได้รับแรงหนุนจากปัจจัยเดิมๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากวันศุกร์ทางการจีนได้สั่งให้สหรัฐปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตู เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในเมืองฮิวสตันในช่วงก่อนหน้า แต่ความตึงเครียดทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อสำนักข่าว BBC รายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐได้จับกุมนักวิจัยจีน 4 ราย ได้แก่ หวัง ซิน, สง เฉิน, จ้าว ไกไค และ ถัง จวน เนื่องจากปกปิดความเกี่ยวพันของพวกเขากับกองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) ของจีนในการทำวีซ่าเข้าสหรัฐ โดย FBI เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จีนจะหาประโยชน์จากสถาบันวิชาการของสหรัฐ สถานการณ์ดังกล่าวกระตุ้นแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย พร้อมกับกระตุ้นแรงขายสกุลเงินดอลลาร์ นอกจากนี้สกุลเงินดอลลาร์ยังได้รับแรงกดดันเพิ่มจากการเปิดเผย ดัชนี PMI ภาคบริการและภาคการผลิตเบื้องต้นจากมาร์กิตที่ออกมาแย่เกินคาด รวมไปถึงความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของ COVID-19 ในสหรัฐ ซึ่งทำให้ชาวอเมริกันมากกว่า 146,000 รายเสียชีวิตจาก COVID-19 โดยคิดเป็นเกือบ 1 ใน 4 ของทั่วโลก และมีผู้ติดเชื้อ COVID-19 เกือบ 4.2 ล้าน เท่ากับว่าชาวอเมริกันอย่างน้อย 1 ใน 79 คนติดเชื้อ COVID-19 ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำปิดตลาดเหนือ 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในวันศุกร์ พร้อมปิดตลาดในแดนบวกเป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกันซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นที่ยาวนานสุดนับตั้งแต่ปี 2011 พร้อมกับทะยานขึ้นต่อในช่วงเช้าวันนี้ในตลาดเอเชียแตะระดับสูงสุดบริเวณ 1,920.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ซึ่งเป็นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ เหนือระดับ 1,920.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ที่ทำไว้ในปี 2011 ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองเพิ่ม +1.76 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก วิตกสหรัฐ-จีนตึงเครียด,ยอดโควิดพุ่ง ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายดอลลาร์ออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของโรคโควิด-19 และความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.26% สู่ระดับ 94.4473 เมื่อคืนนี้ ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 106.01 เยน จากระดับ 106.73 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9222 ฟรังก์ จากระดับ 0.9252 ฟรังก์ แต่ ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3422 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3387 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ที่ระดับ 1.1635 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1608 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2788 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2743 ดอลลาร์
- (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 182.44 จุด วิตกสหรัฐ-จีนตึงเครียด,ยอดโควิดพุ่งไม่หยุด ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (24 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นออกมาจากความกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดมากขึ้นระหว่างสหรัฐ-จีน, จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการที่บริษัทจดทะเบียนของสหรัฐเปิดเผยผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,469.89 จุด ลดลง 182.44 จุด หรือ -0.68%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,215.63 จุด ลดลง 20.03 จุด หรือ -0.62% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,363.18 จุด ลดลง 98.44 จุด หรือ -0.94%
- (+) แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาวเผยชาวอเมริกันอาจต้องรอวัคซีนโควิดถึงราวกลางปีหน้า นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมไวรัสโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวยอมรับว่า มีโอกาสน้อยมากที่วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะได้รับการกระจายในวงกว้างแก่ชาวอเมริกันก่อนกลางปีหน้า นายแพทย์ฟอซีกล่าวว่า “มีความเป็นไปได้ที่ว่าเราจะมีวัคซีนหลายสิบล้านโดสในช่วงต้นปีหน้า และเมื่อผ่านไปอีกหลายเดือน เราก็จะมีวัคซีนอย่างแพร่หลาย” ทางด้านองค์การอนามัยโลก (WHO) เปิดเผยว่า
- (+) “มาร์กิต”เผยดัชนี PMI ภาคผลิต-บริการสหรัฐสูงสุดรอบ 6 เดือนในก.ค. ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 50.0 ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 51.3 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 49.8 ในเดือนมิ.ย. สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 49.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน จากระดับ 47.9 ในเดือนมิ.ย.
- (+) จีนปิดสถานกงสุลในเมืองฮิวสตันแล้ว ชี้ความตึงเครียดสูงสุดในรอบหลายสิบปี กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า จีนได้ทำการปิดสถานกงสุลในเมืองฮิวสตันในรัฐเท็กซัสแล้วตามคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐ ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่า ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนได้ขยายตัวสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษ ด้านรัฐบาลจีนได้ทำการตอบโต้ด้วยการสั่งให้สหรัฐปิดสถานกงสุลในเมืองเฉิงตูในมณฑลเสฉวน หลังสหรัฐสั่งปิดสถานกงสุลจีนในฮิวสตันด้วยข้อหาที่ว่า จีนทำการจารกรรมข้อมูลลับของสหรัฐ
- (+) สหรัฐกระพือความขัดแย้ง สั่งจับนักวิจัยจีนฐานเป็นสายลับให้กองทัพ สื่อต่างประเทศรายงานว่า สำนักงานสอบสวนกลาง (FBI) ของสหรัฐได้จับกุมนักวิจัยจีน 4 รายในข้อหาปกปิดความเกี่ยวพันของพวกเขากับกองทัพปลดปล่อยประชาชน (PLA) ของจีน เมื่อทำการยื่นขอวีซ่าเพื่อเข้ามาทำการวิจัยในสหรัฐ ทั้งนี้ FBI ได้ตั้งข้อหานักวิจัยจีน 4 คนในข้อหาหลอกลวงในการทำวีซ่าเข้าสหรัฐ สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า นักวิจัยชาวจีนดังกล่าวได้แก่ หวัง ซิน, สง เฉิน, จ้าว ไกไค และ ถัง จวน ขณะที่นักวิจัยทั้ง 4 คนยืนยันว่า พวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวพันกับ PLA หรือว่าเกษียณมาจากกองทัพจีนแต่อย่างใด แต่สหรัฐยืนยันว่า พวกเขายังคงเป็นบุคลากรของกองทัพจีนเมื่อเดินทางเข้าสู่สหรัฐ FBI ได้เข้าจับกุมตัว ถัง จวน นักวิจัยด้านชีววิทยาของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เดวิสเมื่อวานนี้ (24 ก.ค.) ขณะที่เธอหลบอยู่ที่สถานกงสุลจีนในซานฟรานซิสโก หลังจากที่ถูกสอบสวนเกี่ยวกับการหลอกลวงในการทำวีซ่า ด้านอัยการของสหรัฐเชื่อว่า การส่งนักวิทยาศาสตร์ของกองทัพจีนเข้ามายังสหรัฐนั้น เป็นส่วนหนึ่งของแผนการที่จีนจะหาประโยชน์จากสถาบันวิชาการของสหรัฐ จอห์น บราวน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติของ FBI ระบุในแถลงการณ์ว่า การจับกุมชาวจีนดังกล่าวเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงเจตนาของจีนที่จะแทรกซึมสังคมอเมริกัน ทั้งนี้ การจับกุมนักวิจัยจีนดังกล่าวเกิดขึ้นท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีน หลังรัฐบาลสหรัฐสั่งปิดสถานทูตจีนในเมืองฮิวสตัน รัฐเท็กซัสเมื่อต้นสัปดาห์นี้ และจีนได้ตอบโต้เมื่อวานนี้ด้วยการสั่งปิดสถานทูตสหรัฐในเมืองเฉิงตู นายริชาร์ด เกรนเนล อดีตรักษาการผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติของสหรัฐแนะนำว่า สหรัฐควรสั่งปิดสถานกงสุลของจีนในซานฟรานซิสโกด้วย
- (-) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่สูงกว่าคาดในเดือนมิ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 13.8% สู่ระดับ 776,000 ยูนิตในเดือนมิ.ย. และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 4% สู่ระดับ 700,000 ยูนิต
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)