29-7-20
เข้าซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหากราคาทองคำสามารถยืนเหนือบริเวณ 1,945-1,930 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ และทยอยปิดสถานะทำกำไรหากไม่ผ่านบริเวณแนวต้าน 1,969-1,981 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาอาจมีความผันผวนเพิ่มจากผลการประชุมเฟด
แนวรับ : 1,878 1,869 1,853 แนวต้าน : 1,900 1,911 1,920
สรุปราคาทองคำวานนี้ปิดทะยานขึ้นอีก 19.62 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากแกว่งตัวผันผวนอย่างมาก ทั้งนี้ ราคาทองคำทะยานขึ้นไปทดสอบระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่บริเวณ 1,981.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ท่ามกลางแรงขายดอลลาร์จากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดอย่างต่อเนื่องของCOVID-19 และความตึงเครียดระหว่างจีน-สหรัฐส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่พ.ค.ปี 2018 พร้อมกันนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนให้ราคาทองคำทะยานขึ้นอย่างมาก อย่างไรก็ดี เกิดแรงทำกำไรออกมาหลังจากนั้น ขณะที่สกุลเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปีจนส่งผลให้ราคาทองคำดิ่งลงถึง 75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่สู่ระดับต่ำสุดในระหว่างวันบริเวณ 1,906 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ก่อนที่ราคาทองคำจะดีดกลับแรงในเวลาต่อมา โดยได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผย ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐจาก CB และดัชนีราคาบ้าน 20 เมืองในสหรัฐจาก S&P/CS ที่ออกมาแย่กว่าคาด นอกจากนี้ ราคาทองคำยังได้รับแรงหนุนเพิ่มจากธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ประกาศ “ขยายเวลา” โครงการเงินกู้ฉุกเฉินซึ่งจะหมดอายุในเดือนก.ย.ต่อไปอีก 3 เดือนจนถึงสิ้นปี รวมไปถึงแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยหลังสินทรัพย์เสี่ยงร่วงลงเนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐเผชิญความไม่แน่นอน หลังพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตขัดแย้งกันในหลายประเด็น นั่นทำให้ราคาทองคำฟื้นขึ้นมาปิดตลาดบริเวณ 1,959.37 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองวานนี้ +8.47 ตัน สำหรับวันนี้ จับตาผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) เดโมแครต-ทำเนียบขาวถกเครียดรายละเอียดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ พรรคเดโมแครตและทำเนียบขาวยังคงเดินหน้าเจรจากันเกี่ยวกับรายละเอียดของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ ซึ่งรวมถึงการขยายโครงการช่วยเหลือคนว่างงานซึ่งจะหมดอายุสิ้นเดือนนี้ นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกันกล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับใหม่ซึ่งมีวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์จะมุ่งเน้นในการช่วยเหลือเด็กๆ ให้กลับเข้าเรียนในโรงเรียนอีกครั้ง และช่วยเหลือพนักงานให้สามารถกลับเข้าทำงาน อีกทั้งปกป้องบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สิน อย่างไรก็ดี พรรคเดโมแครตได้คัดค้านข้อเสนอในการปกป้องบริษัทเอกชนไม่ให้ถูกฟ้องร้องทางกฎหมายเกี่ยวกับหนี้สิน ในขณะที่นายแมคคอนเนลยืนกรานว่า เขาจะไม่ยื่นร่างมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับนี้ต่อวุฒิสภาหากไม่รวมข้อเสนอดังกล่าวเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ ทั้งสองพรรคยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับวงเงินช่วยเหลือผู้ว่างงาน โดยพรรคเดโมแครตต้องการให้รักษาวงเงินดังกล่าวไว้ที่ระดับ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ แต่พรรครีพับลิกันต้องการให้ปรับลดลงมาอยู่ที่ 200 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ นายแมคคอนเนลยังกล่าวด้วยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่นี้ จะรวมถึงการมอบเงินโดยตรงให้กับชาวอเมริกันจำนวน 1,200 ดอลลาร์ และเสนอสิทธิประโยชน์ให้กับบริษัทที่ผลิตอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงการจัดหาเงินกู้วงเงิน 1.9 แสนล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทขนาดเล็ก และจัดหาเงินกู้ 1 แสนล้านดอลลาร์ให้กับบริษัทที่ดำเนินธุรกิจในพื้นที่ที่มีรายได้ต่ำ
- (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 205.49 จุด วิตกมาตรการกระตุ้นศก.ไม่คืบหน้า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตในประเด็นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของสหรัฐที่ปรับตัวลงในเดือนก.ค. รวมทั้งผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ ยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดร่วงลง ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,379.28 จุด ลดลง 205.49 จุด หรือ -0.77% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,218.44 จุด ลดลง 20.97 จุด หรือ -0.65% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,402.09 จุด ลดลง 134.18 จุด หรือ -1.27%
- (+) คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐลดลงในเดือนก.ค. คอนเฟอเรนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ รายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 92.6 ในเดือนก.ค. จากระดับ 98.3 ในเดือนมิ.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 94.5
- (+) “เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์” เผยราคาบ้านสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนพ.ค. เอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ รายงานว่า ดัชนีราคาบ้าน 20 เมืองในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนพ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนเม.ย. และเพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์
- (-) ดอลลาร์ปรับตัวผันผวน ขณะนักลงทุนจับตาผลประชุมเฟด ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวผันผวนในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (28 ก.ค.) โดยดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับยูโร แต่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.09 เยน จากระดับ 105.38 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9174 ฟรังก์ จากระดับ 0.9203 ฟรังก์ แต่ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3360 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1721 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1749 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2943 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2870 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7161 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7141ดอลลาร์สหรัฐ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.02% สู่ระดับ 93.6955
ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)