หลังจากที่ GoldAround.com ได้นำเสนอ ดัชนีความเชื่อมั่นราคาทองคำประจำเดือน พฤษภาคม 2563 ไป ซึ่งในภาพรวมพบว่าดัชนีดีขึ้นต่อเนื่อง โดยนักลงทุนเห็นว่า สถานการณ์การแพ่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จะน่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง และจะทำให้เศรษฐกิจเริ่มดีขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองคำ อย่างไรก็ดีภายในเนื้อหาของรายงานดังกล่าวยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจ
ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจับทองคำ ได้กล่าวกับ GoldAround.com ว่า เมื่อย้อนไปดูคะแนนดิบจะพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามเห็นได้ว่าราคาทองคำจะเพิ่มขึ้น 60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนอีก 40 เปอร์เซ็นต์ เห็นว่าราคาจะลดลง ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมาก เพราะหลายคนมองว่าอาวุธที่ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟด นำมาใช้น่าจะเพียงพอในการกู้วิกฤตเศรษฐกิจ และปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะไม่กินเวลายาวนานมาก และมาตรการคลายล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ น่าจะช่วยให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามไม่กังวลถึงผลการพร่ระบาดในเวฟ 2 และ 3 เท่าใดนัก
ในทางกลับกับกลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่ของไทย กลับให้จับตามองสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการคลายล็อคดาวน์ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมถึงเรื่องของสภาพเศรษฐกิจว่าจะดีขึ้นจริงหรือไม่ ผลการอัดฉีดเม็ดเงินของเฟด และธนาคารกลางของชาติต่าง ๆ จะได้ผลเพียงไร
แต่ประเด็นที่กลุ่มผู้ค้ารายใหญ่ค่อยข้างให้ความสนใจเป็นพิเศษ คือ สงครามการค้าสหรัฐกับจีน ซึ่งทางฝั่งผู้นำของสหรัฐอเมริกาได้ออกมาแสดงท่าทีแข็งกร้าวอีกครั้ง ในทางกลับกัน ทางฝั่งจีนกลับมีท่าทีที่อ่อนลง ซึ่งประเด็นนี้พอจะเข้าใจได้ว่า ทางประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ต้องการจะสร้างคะแนนเสียงให้กับตัวเองในการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนั้น กลุ่มผู้ค้ายังให้จับตามมองการเคลื่อนไหวของกลุ่ม SPDR ที่ซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจจะต้องมีการเทขายเพื่อทำกำไรบ้าง ซึ่งนักลงทุนจะต้องระมัดระวังให้มาก
ดร.พิบูลย์ฤทธิ์ วิริยะผล ผู้อำนวยการศูนย์วิจับทองคำ
ส่วนปัจจัยที่จะต้องจับตามองหลังจากนี้ แม้ว่าปัญหาของ COVID-19 จะเบาบางลงไปแต่ก็ยังคงให้น้ำหนักมากอยู่ โดยเฉพาะผลกระทบที่จะเกิดขึ้น รวมถึงมาตรการต่างของเฟดที่จะนำมาใช้เพิ่มเติม แม้ว่าล่าสุดทางประธานเฟด จะออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐใช้มาตรการในรูปแบบอื่นบ้างนอกเหนือจากมาตรการทางด้านการเงิน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษี เพราะที่ผ่านมาก็ลดดอกเบี้ยไปมากแล้ว
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องของค่าเงินบาทที่ในระยะหลังได้แข็งค่าขึ้น ซึ่งคาดว่าจะเป็นผลมาจากความสำเร็จของรัฐบาบไทยการควบคุมการแพร่ระวาดของไวรัส โควิด-19 เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ค่าเงินของประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ หรือเกาหลี ซึ่งประสบความสำเร็จในการควบคุมปัญหาไวรัส โควิดข19 ก็ต่างแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจะเป็นได้ว่านักลงทุนต่างชาติให้ความเชื่อมั่นหลังประเทศได้ มีมาตรการการดูแลเรื่อโควิดทำให้ดี