สรุปแนวโน้มราคาทองคำและกลยุทธ์ลงทุน วันนี้ 2 ม.ค.67
ทองคำโชว์พลังทะยานแรงต่อเนื่อง gold spot ปิดปีงูใหญ่บวกเพิ่ม $562 ทองคำไทยบวกมา 8,750 บาท
ดำเนินรายการ โดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
ภาพรวมราคาทองคำไทยในปีที่ผ่านมาโดยรวมปรับเพิ่มขึ้นมาบาทละ 8,750 บาท โดยราคาเปิดปีเมื่อวันที่ 1 มกราคราคาขายออกอยู่ที่ 33,650 บาท จากนั้นได้ปรับขึ้นมาต่อเนื่อง และได้ขึ้นแตะจุดสูงสุดตลอดกาล เมื่อวันที่ 31 ต.ค. ที่ระดับราคา 44,550 บาท จากนั้นได้มาแผ่วลงใน 2 เดือนสุดท้ายของปี
โดยภาพรวมเดือน พ.ย. ลดลงไป 900 บาท และเดือน ธันวาคมลดลงอีก 650 บาท ก่อนจะมาปิดปีเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 42,400 บาท
ก่อนที่วันแรกของปี 2568 ราคาจะขยับขึ้นมาอีก 250 บาท ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 42,650 บาท และเช้านี้ (2 ม.ค.) สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาแรกของวัน ลดลง 50 บาท
ทำให้ราคาขายออกทองคำแท่ง 96.5 อยู่ที่ 42,600 บาท ส่วนราคารับซื้อ 42,500 บาท ขณะที่ราคาทองรูปพรรณราคาขายออก 43,100 บาท ส่วนราคารับซื้อ 41,735.48 บาท คำนวณจากเงินบาทที่ 34.20 บาทต่อดอลลาร์
โดย SCT Gold มองว่า
ราคาทองคำแสดงการเคลื่อนไหวของราคาในกรอบที่ค่อนข้างชัดเจน โดยมีแนวต้านสำคัญอยู่ที่ 42,800 บาท และแนวรับสำคัญอยู่ที่ 42,200 บาท หากราคาทะลุระดับ 42,800 และยืนเหนือ 43,000 บาท ได้อย่างมั่นคง
จะเปิดโอกาสให้แนวโน้มขาขึ้นเริ่มต้นใหม่โดยมีเป้าหมายที่ระดับ 43,200 – 43,500 บาท และในทางกลับกันหากราคาปรับตัวต่ำกว่า 42,200 บาท อีกครั้ง อาจเป็นสัญญาณว่าแนวโน้มขาลงยังไม่จบสิ้น และมีโอกาสที่ราคาจะลดลงไปทดสอบระดับ 42,000 – 41,800 บาท
ปัจจัยข่าวที่มีผลกระทบในวันนี้ยังคงเกี่ยวข้องกับการประกาศข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญจากสหรัฐฯ
เช่น ตัวเลขการว่างงาน และความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ซึ่งจะส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์ หากข้อมูลออกมาดีกว่าคาด ค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น ซึ่งจะกดดันราคาทองคำในตลาดโลก
อีกปัจจัยสำคัญคือความผันผวนของค่าเงินบาทที่ยังคงเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดราคาทองคำไทย หากเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า ราคาทองคำไทยจะได้รับแรงหนุน แม้ราคาทองคำในตลาดโลกจะคงที่หรือปรับตัวลดลง
ขณะที่ภาพรวมการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ gold spot ในปีที่ผ่านมา ถือว่าปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง และเป็นการปรับขึ้นมากสุดในประวัติศาสตร์ตั้งแต่ ปีค.ศ. 1971 และเป็นการปรับขึ้น 2 ปี ติดต่อกัน เพิ่มขึ้นมาร่วม 800 ดอลลาร์
หากนับตั้งแต่วันเปิดตลาดเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ระดับ 2,062 ดอลลาร์ จนกระทั่งมาปิดตลาดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ 2,624 ดอลลาร์ ปรับเพิ่มขึ้นมามากถึง 562 ดอลลาร์ หรือ 27.21%
โดยราคาขึ้นไปทำจุดสูงสุดตลอดกาลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคมที่ระดับ 2,790 ดอลลาร์ ก่อนจะปรับลดลงมาในช่วงที่รู้ผลการเลือกตั้งประธานิบดีสหรัฐคนใหม่ เมื่อช่วงต้นเดือน พ.ย.
ทำให้เดือนดังกล่าวราคาแกว่งตัวในกรอบ 220 ดอลลาร์ และในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีราคาปรับลดลงไป เกือบ 120 ดอลลาร์ โดยเฉพาะในเดือนธันวาคมราคาปรับลดลงไป 26 ดอลลาร์ อย่างไรก็ดี ในวันที่ 31 ธ.ค. ราคายังสามารถปิดตลาดในแดนบวกได้ โดยบวกเพิ่มขึ้นมา 18 ดอลลาร์ ไปแตะจุดสูงสุดที่ 2,627 ดอลลาร์ ก่อนจะมาปิดตลาดที่ 2,624 ดอลลาร์
โดยในช่วงวันสุดท้ายของปีราคาทองคำปรับตัวขึ้นจนเกิดสัญญาณ Bullish Engulfing จากในวันก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องด้วยความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ ประเทศอิหร่าน เตรียมประชุมเรื่องอาวุธนิวเคลียร์กับ 3 ชาติยุโรปในวันที่ 13 ม.ค. นี้ ขณะที่รัสเซียยังคงส่งโดรนนับร้อยลำโจมตียูเครนในวันปีใหม่
นอกจากนั้นราคาทองคำยังได้แรงหนุนจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ภายใต้นโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะเข้ารับตำแหน่งผู้นำสหรัฐคนใหม่อย่างเป็นทางการในวันที่ 20 มกราคม ที่อาจกระตุ้นเงินเฟ้อและอาจส่งผลให้เฟดต้องชะลอการปรับลดดอกเบี้ย
ส่วนคืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 3,000 รายสู่ระดับ 222,000 ราย และดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.โดยมาร์กิต ตลาดคาดว่าจะทรงตัวที่ 48.3
มาดูมุมมองการลงทุนจากบริษัทค้าทองคำในไทย ทาง Shining Gold มองว่า
ราคาทองคำ gold spot พยายามทำ Technical Rebound ช่วงต้นปี เนื่องจากมีปัจจัยค้างบวกจากช่วงปลายปีที่ผ่านมาส่งต่อมาถึงวันที่ 2 ม.ค. โดยเฉพาะประเด็นเพดานหนี้สหรัฐฯ รวมถึงในช่วงเปิดปีใหม่มาตลาดยังคงรอคอยปัจจัยใหม่ ๆ เข้ามาขับเคลื่อนตลาด ควรติดตามเพิ่มเติม
กลยุทธ์การลงทุน รอราคาย่อตัว ให้ Open Long ที่ 2,623-20 ดอลลาร์ มีจุด SLที่ 2,615 ดอลลาร์ เพราะหากหลุดแนวดังกล่าวแล้ว ราคาจะถอยลงมาตั้งหลักกันใหม่ ที่ 2,600 ดอลลาร์ ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 2,632/2,637 และ 2,646 ดอลลาร์
ขณะที่ T.D.C. Gold มองว่า
ราคาทองคำ gold spot ยังคงปรับตัวสูงขึ้นในช่วงวันทำการสุดท้ายของปี ท่ามกลางตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลง และ BondYield อาย 10 ปีที่ปรับตัวขึ้นต่อเล็กน้อย
ในช่วงสัปดาห์แรกยังไม่มีประกาศตัวเลขที่มีนัยสำคัญ มีแต่ดัชนี ISM ก่อนที่จะเข้าสัปดาห์ที่ 2 ที่จะเริ่มประกาศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร รวมไปถึงต้องติดตามประเด็น Government Shutdown ในช่วงกลางเดือน ดังนั้นในระยะสั้น จึงยังมองราคาทองคำจะแกว่งตัวในกรอบ Sideway ไปอีกระยะหนึ่ง
ด้าน YLG Bullion มองว่า
หลังจากราคาทองคำ gold spot อ่อนตัวลงมีแรงซื้อพยุงราคาเพิ่มขึ้น หากสามารถทรงตัวได้หรือการอ่อนตัวลงอยู่ในระดับจำกัด
แนะนำเปิดสถานะซื้อ หากราคาปรับตัวลงไม่หลุดแนวรับโซน 2,616-2,604 ดอลลาร์ ทั้งนี้ อาจพิจารณาปิดสถานะซื้อทำกำไร หากราคาปรับตัวขึ้นไม่ผ่านแนวต้านโซน 2,642-2,664 ดอลลาร์ แต่หากยืนไม่ได้อาจมีแรงขายสลับเข้ามา พร้อมลดการลงทุนหากราคาหลุด 2,582 ดอลลาร์
ปิดท้ายที่ InterGOLD มองว่า
ราคาทองคำปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 2,635 ดอลลาร์หลังกลับมาเปิดตลาด สำหรับสัปดาห์นี้เหลือเพียง 2 วันทำการ คาดว่าราคาทองคำจะเคลื่อนไหวในกรอบ Sideway ก่อนที่สัปดาห์หน้าจะเริ่มมีความผันผวนเพิ่มขึ้น
โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นในเดือนนี้ เนื่องจากสถิติย้อนหลังแสดงว่าเดือนมกราคมมักเป็นช่วงที่ราคาทองคำทำผลตอบแทนได้ดี
ทั้งนี้ให้แนวต้านที่ 2,630 ดอลลาร์ หรือ 43,500 บาท ส่วนแนวรับอยู่ที่ 2,610 ดอลลาร์ หรือ 42,300 บาท
รับชมคลิป
Comments are closed.