Gold Around
ราคาทองคำ ข่าวสารและแนวโน้มราคาทองคำวันนี้

บทวิเคราะห์ราคาทองคำวันนี้ 25 ก.ย.63 (YLG)

- Advertisement -

1 564

- Advertisement -

หากราคาพยายามยืนแนวรับโซน 1,847 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทำให้ราคายังคงมีโอกาสขยับขึ้นเพื่อทดสอบแนวต้านบริเวณ 1,876-1,890 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านแนะนำเปิดสถานะขายเพื่อรอซื้อคืนเมื่อราคาอ่อนตัวลง

แนวรับ : 1,847 1,831 1,816  แนวต้าน : 1,876 1,890 1,906

สรุป  

ราคาทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 10.95  ดอลลาร์ต่อออนซ์  หลังจากที่ในระหว่างวันราคาทองคำร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนบริเวณ 1,848 ดอลลาร์ต่อออนซ์  โดยได้รับปัจจัยกดดันหลักจากดัชนีดอลลาร์ที่แข็งค่าแตะระดับ 94.60 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค.  อย่างไรก็ดี  ราคาทองคำจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นในเวลาต่อมา   หลังจากสกุลเงินดอลลาร์เริ่มอ่อนค่าลง  โดยได้รับแรงกดดันจากการเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่ออกมา “แย่เกินคาด”  นอกจากนี้  นักลงทุนบางส่วนมีการขายทำกำไรดอลลาร์หลังจากดอลลาร์แข็งค่าขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา  ประกอบเริ่มมีแรงซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นสหรัฐกลับเข้ามา  จากความหวังที่ว่าสภาคองเกรสและทำเนียบขาวอาจสามารถบรรลุข้อตกลงมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจจากผลกระทบ COVID-19 รอบใหม่ได้ใน 1-2 สัปดาห์ข้างหน้า  ขณะที่ตัวเลขยอดขายบ้านใหม่ในเดือนส.ค.พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 14 ปี  ปัจจัยดังกล่าวบั่นทอนความต้องการดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยเพิ่มเติม  ทำให้ดัชนีดอลลาร์อ่อนค่าลงจนช่วยหนุนให้ราคาทองคำฟื้นตัวขึ้นกว่า 20 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือนสู่ระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 1,877.03 ดอลลาร์ต่อออนซ์   ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง  สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ รวมไปถึงความคืบหน้าเกี่ยวกับประเด็นความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐ  ก่อนที่คำสั่งบล็อกการดาวน์โหลด TikTok ซึ่งจะทำให้แอปเปิลและกูเกิลจะต้องลบแอป TikTok ออกจากแอปสโตร์ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 27 ส.ค.นี้

ข่าวสารประกอบการลงทุน :

- Advertisement -

  • (+) เงินดอลล์อ่อน หลังสหรัฐเผยตัวเลขว่างงานพุ่ง  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวน หลังสหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลง 0.04% แตะที่ระดับ 94.3565 เมื่อคืนนี้  ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3352 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3378 ดอลลาร์แคนาดา และทรงตัวเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.41 เยน แต่หากเทียบกับฟรังก์สวิส ดอลลาร์แข็งค่าสู่ระดับ 0.9264 ฟรังก์ จากระดับ 0.9241 ฟรังก์  ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1666 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1656 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2741 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2715 ดอลลาร์
  • (+) สหรัฐเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานสูงกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 870,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 840,000 ราย หลังจากอยู่ที่ระดับ 866,000 รายในสัปดาห์ก่อนหน้านี้  ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกได้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.867 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก
  • (+) “พาวเวล-มนูชิน”เห็นพ้องโยกเงินที่เหลือในกองทุนโควิดไปช่วยภาคธุรกิจสหรัฐ  นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาในวันนี้เกี่ยวกับการดำเนินการของเฟดและรัฐบาลสหรัฐในการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19  นายพาวเวลและนายมนูชินยอมรับว่า ขณะนี้มีเงินเหลือหลายแสนล้านดอลลาร์ในกองทุนเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ซึ่งมีวงเงินทั้งหมด 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเฟดและรัฐบาลสหรัฐเห็นพ้องกันว่าเม็ดเงินในส่วนที่ยังไม่มีการใช้ดังกล่าวสามารถโยกย้ายไปช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจสหรัฐ 
  • (-) สหรัฐเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งสูงสุด 14 ปีในเดือนส.ค.  กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 4.8% สู่ระดับ 1.011 ล้านยูนิตในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2549 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ายอดขายจะดิ่งลง 1% สู่ระดับ 895,000 ยูนิต  ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ยังได้ปรับเพิ่มยอดขายบ้านใหม่ในเดือนก.ค.สู่ระดับ 965,000 ยูนิต จากเดิมรายงานที่ระดับ 901,000 ยูนิต
  • (+/-) จับตาดีเบต “ทรัมป์ VS ไบเดน” พุธหน้า 08.00 น.  การเมืองสหรัฐกำลังเข้าสู่โค้งสุดท้ายก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย. ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 40 วัน ก็จะเป็นการชี้ชะตาว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากค่ายรีพับลิกัน หรือนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ จากค่ายเดโมแครต จะได้ครอบครองทำเนียบขาว  และเป็นธรรมเนียมทางการเมืองของสหรัฐ ที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี และรองประธานาธิบดี จะต้องมาแสดงวิสัยทัศน์ต่อชาวอเมริกันในด้านต่างๆ โดยการโต้วาที หรือดีเบตระหว่างทรัมป์และไบเดนในยกแรกจะมีขึ้นที่รัฐโอไฮโอในวันอังคารที่ 29 ก.ย. เวลา 21.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือตรงกับวันพุธที่ 30 ก.ย.เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย  การดีเบตดังกล่าวจะมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลกผ่านทางสถานี CNN โดยผู้เข้าดีเบตจะต้องแสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องของศาลฏีกาสหรัฐ, เศรษฐกิจสหรัฐ และการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • (+/-) ดาวโจนส์ปิดบวก 52.31 จุด รับความหวังมาตรการเยียวยา,หุ้นเทคโนฯพุ่ง  ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ก.ย.) โดยได้ปัจจัยหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี รวมทั้งรายงานยอดขายบ้านใหม่ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี และความหวังที่ว่าสภาคองเกรสและทำเนียบขาวจะสามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ อย่างไรก็ดี บรรยากาศการซื้อขายในตลาดถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบโดนัลด์ ทรัมป์ ปฏิเสธที่จะให้คำมั่นสัญญาว่าการส่งมอบอำนาจบริหารจะเป็นไปอย่างราบรื่น หากเขาพ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดี  ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,815.44 จุด เพิ่มขึ้น 52.31 จุด หรือ +0.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,246.59 จุด เพิ่มขึ้น 9.67 จุด หรือ +0.30% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,672.27 จุด เพิ่มขึ้น 39.28 จุด หรือ +0.37%

ขอขอบคุณ : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)

- Advertisement -

- Advertisement -

Leave A Reply

Your email address will not be published.

This website uses cookies to improve your experience. We'll assume you're ok with this, but you can opt-out if you wish. Accept Read More