รอยเตอร์ : มูลนิธิอ็อกซ์แฟม (Oxfam) ระบุ ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 อาจทำให้ประชากรโลกเข้าสู่วงจรความยากจนเพิ่มขึ้นถึง 500 ล้านคน
อ็อกซ์แฟมได้เผยแพร่รายงานในวันนี้ (9 เม.ย.) ก่อนที่จะมีการประชุมประจำปีของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และ ธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) ในสัปดาห์หน้า โดยมุ่งศึกษาผลกระทบจากวิกฤตไวรัสโคโรนาที่มีต่อปัญหาความยากจนทั่วโลก เนื่องจากครัวเรือนมีรายได้และการบริโภคที่ลดลง โดยระบุว่าวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น ถือว่าย่ำแย่ยิ่งกว่าวิกฤตการเงินโลกเมื่อปี 2008 พร้อมระบุ การระบาดของไวรัส โควิด-19 จะทำให้บางประเทศมีฐานะยากจนลงจนเทียบได้กับเมื่อช่วง 3 ทศวรรษก่อน
คณะผู้วิจัยได้อ้างอิงถึงเส้นความยากจน (poverty lines) หลายระดับตามคำนิยามของเวิลด์แบงก์ ซึ่งครอบคลุมผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.90 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน ขึ้นไปจนถึงต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อวัน ทั้งนี้ หากรายได้ลดลง 20% จำนวนประชากรที่ยากจนสุดขีด (extreme poverty) จะเพิ่มขึ้น 434 ล้านคน รวมเป็น 922 ล้านคนทั่วโลก และภายใต้เงื่อนไขเดียวกันนี้ จะมีประชากรที่มีรายได้ต่ำกว่า 5.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวันเพิ่มขึ้น 548 ล้านคน รวมเป็นเกือบ ๆ 4,000 ล้านคน โดยผู้หญิงจะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ชาย เนื่องจากผู้หญิงมักประกอบอาชีพแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งทำให้พวกเธอเข้าถึงสิทธิแรงงานเพียงเล็กน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย
ประชากรที่ยากจนที่สุดเหล่านี้ต้องทำงานหาเช้ากินค่ำ ไม่มีสิทธิ์ลางานหรือสะสมปัจจัยยังชีพ
รายงานระบุ พร้อมชี้ว่าแรงงานนอกระบบกว่า 2,000 ล้านคนไม่มีสิทธิ์ลาป่วยโดยได้รับค่าจ้าง
ก่อนหน้านี้เวิลด์แบงก์ได้ออกมาเตือนว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกจะมีคนจนเพิ่มขึ้นถึง 11 ล้านคน หากสถานการณ์ไวรัสย่ำแย่ลงกว่าที่เป็นอยู่
เพื่อบรรเทาผลกระทบจากไวรัส อ็อกซ์แฟม ได้เสนอแผนปฏิบัติการ 6 ข้อ ซึ่งรวมถึงการแจกเงินสดหรือเงินอุดหนุนแก่พลเมืองและภาคธุรกิจที่มีความเดือดร้อน, การยกหนี้, การสนับสนุนจากไอเอ็มเอฟ และการยกระดับความช่วยเหลือต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีจากสินทรัพย์, ผลกำไรพิเศษ และสินค้าทางการเงินแบบเก็งกำไร เพื่อระดมเงินทุนที่จำเป็น พร้อมระบุว่า รัฐบาลทั่วโลกจำเป็นต้องระดมเงินทุนอย่างน้อย ๆ 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาให้สามารถต่อสู้เชื้อไวรัสได้
ที่มา : manager online