ราคาทองคำ วานนี้ (23 มี.ค.) เพิ่มขึ้น 65.41 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือ +4.4% มาปิดที่ระดับ 1553.10 ดอลลาร์ต่ออนซ์ หลังธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศมาตรการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) แบบไม่จำกัดวงเงิน หรือ Unlimited
รวมถึงขยายประเภทหลักทรัพย์ที่จะเข้าซื้อ พร้อมกันนี้ยังได้เพิ่มวงเงิน 3 แสนล้านดอลล์สำหรับโครงการปล่อยกู้แก่ภาคธุรกิจ
และโครงการสินเชื่อที่มีสินทรัพย์ค้ำประกันที่มีการใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตทางการเงินสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงในทันที และเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น
ขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-19 ในสหรัฐฯ ที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ รวมถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากหลายรัฐบาลสหรัฐประกาศ Lockdown
ส่วนวุฒิสภาสหรัฐฯ ยังไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเรื่องมาตรการเยียวยาชาวอเมริกันและภาคธุรกิจ ส่งผลกดดันให้ดัชนี Dow Jones ปิดร่วงลง 582.05 จุด หรือ -3.04%
อย่างไรก็ดี ราคาทองคำวานนี้ไม่ได้ปรับตัวลดลงตามตลาดหุ้นแต่อย่างใด จึงต้องจับตาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สินทรัพย์นี้อย่างใกล้ชิด
หากกลับมาเคลื่อนไหวในทิศทางตรงกันข้ามต่อเนื่องอาจสะท้อนว่าแรงขายทองคำจากความต้องการสภาพคล่องในหมู่นักลงทุนเริ่มบรรเทาเบาบางลงแล้ว ขณะที่กองทุน SPDR ได้ซื้อทองคำเพิ่ม 15.8 ตัน
ส่วนการเคลื่อนไหวของราคาทองคำในวันนี้ หากสามารถผ่านการทดสอบที่ระดับแนวต้านที่ 1,597 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ นักลงทุนต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไรเนื่องจากครั้งที่ผ่านมา
เมื่อราคาทองคำมีการปรับตัวขึ้น ยังคงมีแรงขายออกมาเช่นกัน อย่างไรก็ตามหากการอ่อนลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับระยะสั้นอยู่ที่ 1,552-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ราคามีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีกครั้ง
โดยกลุยุทธ์การลงทุนในวันนี้ เน้นเก็งกำไรในกรอบแคบ ๆ แม้ว่าแนวโน้มราคาทองคำจะเป็นบวกเพิ่มขึ้น แต่ราคายังคงมีความผันผวน ทั้งนี้ แนะนำเปิดสถานะซื้อในโซน 1,552-1,547 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากราคาหลุด 1,516 ดอลลาร์ต่อออนซ์)