เกาะติดทิศทางราคาทองคำวันนี้ 22 ก.พ.66
สัมภาษณ์พิเศษ คุณวรุต รุ่งขำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส (YLG)
ดอลลาร์อาจพุ่งแรงแซงทองคำ หากปัญหา รัสเซีย- ยูเครน รอบใหม่ส่อเค้าบานปลาย จับตาแนวรับ $1,802 จะแข็งพอหรือไม่
ดำเนินรายการโดย อนุสรณ์ แก้วประจันทร์ บรรณาธิการข่าว GoldAround.com
.
รับชมคลิป
คุณ วรุต รุ่งขํา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บจ.วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวกับ GoldAround ว่า
ราคาทองคำยังคงขยับ sideway down โดยได้รับแรงกดดันจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และ Bond Yield ที่ดีดตัวขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ออกมาดีกว่าคาด
แต่ในช่วงเช้าทองคำได้แรงหนุนจากคาดการณ์ของโกลด์แมน แซคส์ ว่า ECB จะขึ้นดอกเบี้ย อีก 3 ครั้ง ส่งผลให้ Terminal Rate เพิ่มจากที่คาดการณ์ที่ 3.25% เป็น 3.5% ปัจจัยดังกล่าวอาจหนุนเงินยูโร และหนุนทองขึ้นไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงขายเข้ามาอยู่ เพราะนักลงทุนระมัดระวังการลงทุนเพื่อรอจับตารายงานการประชุม Fed Minutes ในคืนนี้ ว่ากรรมการเฟดจะเปิดช่องให้มีการขยับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นหรือไม่ หลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในช่วงที่ผ่านมาดีกว่าที่คาด
นอกจากนั้น แนวโน้มตัวเลขประมาณการณ์ GDP ของสหรัฐฯ และ CORE PCE หรือดัชนีผู้บริโภค ที่จะประกาศในคืนวันพฤหัส และศุกร์ ก็น่าจะออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
ไม่เพียงแค่นั้น ราคาทองคำยังถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น รับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และ ชาติพันธมิตร ที่อาจจะส่อเค้าบานปลาย หลัง ปธน.โจ ไบเดน ไปเยือนกรุงเคียฟ ก่อนวันที่จะครอบรอบ 1 ปี ที่รัสเซียใช้ปฎิบัติการณ์พิเศษเข้าโจมตียูเครน
พร้อมกันนั้น ทาง ปธน.โจ ไบเดน ก็ประกาศหนุนยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย และชี้ว่ารัสเซียไม่มีทางชนะศึกครั้งนี้
ขณะที่ ทาง ปธน.ปูติน ได้ยืนยันที่จะเดินหน้าที่จะสู้รบในยูเครนต่อ พร้อมกับถอนตัวจากสัญญาการควบคุมอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้หลายฝ่ายหวั่นเกรงว่า จะเกิดสงครามนิวเคลียร์ขึ้น
แม้ว่าสถานการณ์ดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อราคาทองคำ ในฐานะสินทรัพย์เสี่ยง แต่เม็ดเงินก็ได้ไหลกลับไปดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงเช่นกัน ประกอบกับมีความกังวลว่า หากสงครามเกิดบานปลาย ผู้ที่จะได้รับผลกระทบก็จะเป็นกลุ่มประเทศในยุโรป ทำให้ส่งผลกระทบต่อสกุลเงินในยูโรโซน และหนุนให้ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าขึ้นด้วย ทำให้ราคาทองคำขยับไปไหนได้ไม่ไกลนัก
ในทางกลับกัน ทองคำยังถูกกดดันอย่างหนักจากนโยบายการเงินของเฟด ที่มีแนวโน้มว่าจะขยายเพดานดอกเบี้ยขึ้นอีก เพราะจาก FED WATCH TOOL จะเห็นได้ว่าโอกาสที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมครั้งหน้าเป็น 0.5% เริ่มมีมากขึ้น
ดังนั้น กลยุทธ์การลงทุนทองคำในช่วงนี้ หากราคาทดสอบแนวต้านที่ 1,840-1,844 ดอลลาร์แล้ว ไม่สามารถยืนได้อาจเกิดแรงขายกดดันเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาทองคำอาจปรับตัวลงช่วงสั้นต่อ แนะนำให้เปิดสถานะขายเก็งกำไรระยะสั้น
สถานะขายตัดขาดทุน หากราคาผ่านแนวต้านโซน 1,844 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และให้ทยอยปิดสถานะขายทำกำไรหากราคาอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,829-1,818 ดอลลาร์ต่อออนซ์