ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯสถานการณ์ ได้เผยแพร่ข้อมูลความคืบหน้าเกี่ยวกับสถาน การณ์โรคโควิด 19 ในหน้าเพจเฟสบุ๊ค Yong Poovorawan โดยระบุว่า มาตรการต่าง ๆ ที่ออกมา สามารถลดการแพร่กระจายของโรคมาได้ระดับหนึ่ง จากอำนาจการแพร่กระจายปกติ R₀ = 2.5 (1 คน แพร่โรคต่อ 2.5 คน) ลดลงเหลือ R₀ = 1.5 (1 คนแพร่ไป 1.5 คน) แต่อัตราดังกล่าวยังไม่เป็นที่พอใจ จะต้องลดให้เป็น 1 หรือน้อยกว่า 1 ให้ได้ ทำให้จะต้องมีมาตรการที่เข้มข้นขึ้น จึงจะควบคุมโรคได้ มาตรการทั้งหมดจะต้องประกอบไปด้วย
- วินิจฉัยโรคให้ได้รวดเร็ว และให้ได้มากที่สุด โดยการตรวจผู้สัมผัส ผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้น และต้องออกผลให้รวดเร็ว ตรวจจำนวนผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้น เพื่อควบคุม กักกัน ไม่ให้โรคแพร่กระจาย ผู้ติดเชื้อทุกคนจะต้องได้รับการดูแล ควบคุม ไม่ให้เกิดอาการมาก หรือรุนแรงโดยรักษาแต่เริ่มแรกรวดเร็ว และต้องการลดการแพร่กระจายโรคได้ รวมทั้งผู้ที่รักษาหาย จะต้องมั่นในว่า จะพ้นระยะและไม่ไปแพร่กระจายโรคได้
- ลดความเสี่ยงในการติดโรคของคนทั่วไป ตั้งแต่สุขอนามัย ล้างมือ กินร้อนที่รู้จักกันดี ไปจนถึง Physical Distancing กำหนดระยะห่างของบุคคล สังคม ไม่น้อยกว่า 2 เมตร ไม่ว่านอกบ้าน ในบ้าน การใส่หน้ากากอนามัยเพื่อป้องกันการแพร่กระจายโรคและลดการติดต่อ
- ลดการเคลื่อนที่ของประชากร ลดการสัมผัสโรคด้วยการอยู่บ้าน และจะต้องทำให้มากที่สุด ในการลดประชากรที่จะไปสัมผัสโรค การเลื่อนวันหยุดสงกรานต์ การมีมาตรการเข้มงวดในการเคลื่อนที่ การเดินทางของประชาชน เพื่อลดการแพร่กระจายโรค
- การมีระเบียบวินัย เมื่อเปรียบเทียบ จีน กับประเทศประชาธิปไตยทางตะวันตกแล้ว จีนมีระเบียบวินัยมากกว่า สามารรถควบคุมโรคได้จนไม่พบผู้ป่วยรายใหม่ ยกเว้นผู้ป่วยนำเข้าจากต่างประเทศ เพราะความมีระเบียบวินัย
มาตรการทั้งหมดจะต้องเข้มข้นขึ้น ก่อนเข้า”ฤดูฝน”ที่จะเป็นฤดูกาลของโรคทางเดินหายใจ ไม่เช่นนั้นเราจะยิ่งแยกยากระหว่างโรคโควิด-19 กับโรคทางเดินหายใจอื่น จะสร้างปัญหากับประเทศไทยเป็นอย่างมาก