Site icon Gold Around

ราคาทองคำอาจไหลลงไปพักฐานต่ำกว่า $1,800 ก่อนรอแรงรีบาวด์ให้ยืนเหนือ $1,850 เพื่อเดินหน้าต่อ

หลังจากที่เมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) ราคาทองคำได้ลงไปทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ระดับ 1,799 ดอลลาร์ ก่อนจะมีแรงรีบาวด์ทำให้ราคาดีดตัวกลับมาเคลื่อนไหวเหนือแนว 1,800 ดอลลาร์ได้ในช่วงเช้าวันนี้ แต่ในภาพรวมราคาทองคำยังคงถูกกดดันจากปัจจัยโดยรอบ ทั้งเรื่องความคืบหน้าวัคซีน COVID-19 การดีดตัวขึ้นแรงของตลาดหุ้น รวมถึงเรื่องการเมืองของสหรัฐ

“เมื่อดูจากแนวโน้มระยะสั้นแล้ว คาดว่าแนวรับที่ระดับ 1,800 ดอลลาร์ไม่น่าจะเอาอยู่ และอาจจะเห็นราคาไปปิดสัปดาห์นี้ที่ระดับ 1,780-90 ดอลลาร์ หรือราคาอาจจะร่วงไปที่ 1,750 ดอลลาร์ เพราะคืนนี้(25 พ.ย.) ยังมีการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐอีกหลายตัว รวมถึงรายงานผลประชุมเฟด แต่มองว่าระดับ 1,750 ดอลลาร์ จะเป็นแนวรับสุดท้ายในรอบนี้ เพื่อรอดีดกลับ และยังเชื่อว่าเทรนด์ใหญ่ของทองคำยังเป็นขาขึ้น หากสัปดาห์มีการรีบาวด์แรงๆ ก็จะทำลายภาพขาลง เชื่อว่ามีโอกาสที่ราคาทองคำจะฟื้นกลับมา แต่หากจะให้ทุกอย่างแลดูมั่นคงจะต้องไปยืนเหนือ 1,850 ดอลลาร์ให้ได้”

คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด จำกัด หรือ SCT กล่าวกับ GoldAround.com
SCT GOLD BULLION

ทั้งนี้หลังจากที่เมื่อวันจันทร์ราคาทองคำได้หลุดระดับ 1,850 ดอลลาร์ มองว่าภาพการเคลื่อนไหวของราคาเป็นแนวโน้มขาลง และยิ่งหากราคาหลุดไปแตะระดับ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,750 ดอลลาร์จะเป็นการลงไปพักฐานรอให้ “โจ ไบเดน” เข้าสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ในต้นปีหน้า หลังจากนั้นราคาทองคำจะขยับเดินหน้าเต็มตัว เพราะจะได้อานิสงค์ จากแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะออกมา

“ในทางเทคนิค เมื่อราคายังไม่สามารถกลับมายืนเหนือ 1,850 ดอลลาร์ ทำให้ราคายังไม่หลุดเวฟ  4 และต้องขยายเวลาออกไป เพื่อรอปัจจัยเข้ามาหนุนให้ราคายืนเหนือดังกล่าว ก่อนจะเข้าสู่เวฟ 5 ซึ่งจะเป็นช่วงที่ราคาทองคำจะกลับมาวิ่งไปข้างหน้า และหากสามารถทะลุ 1,900 ดอลลาร์ จะทำให้แนวโน้มเป็นขาขึ้นชัดเจน และมีโอกาสจะทะลุ 2,000 ดอลลาร์ไปได้”  

คุณพิพัฒน์ วชิรลาภไพฑูรย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ เทรด จำกัด หรือ SCT กล่าว

มาดูปัจจัยโดยรวมที่จะส่งผลลบต่อราคาทองคำ ระยะสั้นยังมีเรื่องของวัคซีน COVID-19 เป็นเรื่องสำคัญ หลังจากที่มีการแถลงความคืบหน้าวัคซีนไปแล้ว 3 ตัว ในเดือนหน้าจะมีเรื่องผลการพิจารณาของ FDA หากทุกอย่างผ่านไปได้จะส่งผลลบต่อราคาทองคำอีกรอบ นอกจากนั้นการพุ่งขึ้นของตลาดหุ้นก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ทองคำถูกเทขาย ซึ่งเมื่อวานนี้ดาวโจนส์ได้ทำสถิติสูงสุดทะลุ 30,000 จุดไปแล้ว ยังมีแนวโน้มยังไปได้ต่อหลังจากที่พรรคเดโมแครตเตรียมเข้ามาบริหารประเทศ

ขณะที่ปัจจัยบวกต่อราคาทองคำก็ยังมี ทั้งเรื่องของการทำ QE เพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจาก COVID-19 ที่ยังจะต้องมีออกมาอีก เพราะเชื่อว่าปัญหานี้จะต้องใช้เวลาอีกนาน แม้ว่าจะมีข่าวดีเรื่องของวัคซีนออกมาก็ตาม รวมถึงข่าวการเสนอให้ “เจเน็ต เยลเลน” อดีต ปธ.เฟด มานั่ง เป็นรมว.คลังสหรัฐคนใหม่ ซึ่งคาดว่าจะมีการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ตามมา นอกจากนั้นยังต้องรอผลการตัดสินของศาล หลังจากที่ “ทรัมป์” ได้ยื่นฟ้องว่ามีการทุจริตการเลือกตั้ง หากศาลรับฟ้องจะทำให้สถานการณ์พลิกกลับทันที และราคาทองคำจะดีดตัวแรง

Exit mobile version