Site icon Gold Around

ย้อนรอย การเลือกตั้ง ปธน.สหรัฐฯ กับการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ (InterGOLD)

อินเตอร์โกลด์ฯ เผยการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ มีผลต่อความผันผวนของราคาทองคำในระยะสั้นเท่านั้น สำหรับนักลงทุนระยะยาวก็อาจจะไม่ต้องสนใจนัก

บริษัท อินเตอร์โกลด์ โกลด์เทรด จำกัด

อย่างที่รู้กันว่า สหรัฐอเมริกาเป็นมหาอำนาจหมายเลข 1 ของโลกในปัจจุบันนี้ ดังนั้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนที่ 46 ที่กำลงจะมาถึงจึงมีความสำคัญที่ทำให้คนทั้งโลกต้องจับตามอง เพราะมีผลต่อการกำหนดเเนวทาง ทั้งการเมืองระหว่างประเทศ เเละนโยบายเศรษฐกิจต่าง ๆ ยิ่งถ้าเป็นนักลงทุนที่ลงทุนอยู่ในสินทรัพย์อย่างทองคำนั้น ยิ่งต้องจับตาเหตุการณ์นี้เป็นพิเศษเลย เพราะในช่วงเหตุการณ์ระดับโลกเเบบนี้ เป็นเรื่องปกติที่ตลาดการเงินจะมีความผันผวนของราคาที่สูงกว่าภาวะปกติ

Changes in Gold Price During Election Years

จากการศึกษาประวัติของราคาทองคำในปีที่มีการเลือกตั้งสหรัฐฯ ในอดีตที่ผ่านมา ในตารางจะแสดงให้เห็นว่า พรรคการเมืองที่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งมีผลต่อการขึ้นลงของราคาทองคำอย่างไร โดย สีเเดง คือ พรรค Republican ซึ่งก็คือพรรคของ “Trump” ส่วนสีน้ำเงิน คือ Democrat ของทาง “Biden” จากข้อมูลย้อนหลัง 10 ครั้งล่าสุด ฝั่ง Republican ชนะไป 6 ครั้ง เเละ Democrat 4 ครั้ง

โดยหากเป็น Republican ได้รับชัยชนะ ในเดือนที่มีการเลือกตั้ง มีอัตรา 3 ใน 6 ครั้ง ที่ส่งผลให้ราคาทองขึ้น ส่วน Democrat นั้น มี 1 ครั้งที่ทำให้ราคาทองขึ้น แต่เป็น 1 ครั้งที่เเทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง เเละ 2 ครั้งที่ราคาทองลง ดังนั้น หากดูคร่าว ๆ จะพบว่าไม่ว่า พรรคไหนชนะก็ไม่ได้ส่งผลกระทบให้ทองคำเคลื่อนที่ไปทิศทางใด ทิศทางหนึ่งอย่างมีนัยยะสำคัญ

Gold Performance in Election Years

แต่หากพิจารณารายละเอียดเพิ่มขึ้น เราจะพบว่า บางปีเดือนที่มีการเลือกตั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำอย่างรุนเเรงเลยทีเดียว โดยเฉพาะในปี 2547, 2551 เเละ 2559 (อย่างปี 2547 ราคาทองอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท การที่มีการขยับขึ้นของราคาที่ 500 บาท ก็ถือว่าสูง)

เมื่อมาดูภาพใหญ่ขึ้น หากดูภาพรวมของปีที่มีการเลือกตั้งในเเต่ละปี โดยเฉลี่ยเเล้ว (เส้นสีแดง) ทองคำเคลื่อนที่หรือมีการขยับขึ้นหรือลงที่ประมาณไหน จากกราฟจะเห็นว่าทองคำจะค่อย ๆ ปรับขึ้นในช่วงต้นปี และแตะจุดสูงสุดในช่วงกลางปี จากนั้นก็ค่อย ๆ ย่อตัว เเละเริ่มดีดตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี ซึ่งก็คล้ายปีนี้ แต่ทั้งนี้ การที่เราจะวิเคราะห์ราคาทองจากปัจจัยเรื่องการเลือกตั้งสหรัฐฯ อย่างเดียวก็อาจจะดูหยาบไปหน่อย เพราะบริบทสังคมเเละเศรษฐกิจในเเต่ละยุคสมัยของการเลือกตั้งก็มีความเเตกต่างกันไป

ลองมาย้อนดูเเบบเจาะลึกย้อนหลังสัก 4 ครั้งล่าสุดกัน

2547 – George W. Bush (R)

2547 – George W. Bush (R) | Source: Data from Tradingview

ในปี 2547 ราคาทองคำในช่วงต้นปีเทรดอยู่ที่ประมาณ 8,000 บาท ในช่วงไตรมาสแรก โดยในช่วงปีนั้น ธนาคารกลางสหรัฐฯ คงอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ไว้ที่ 1.00% แต่ในช่วงระหว่างปี ก็มีช่วงที่ราคาทองคำลดลงต่ำกว่า 8,000 บาท หลายครั้ง ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งในวันที่ 2 พฤศจิกายน ท้ายที่สุด George W. Bush เอาชนะการเลือกตั้งในครั้งนั้นไปได้พร้อมกับแต่งตั้ง อลัน กรีนสแปน ทำหน้าที่เป็นประธาน FED เป็นสมัยที่ 5 ส่งผลให้ราคาทองคำเพิ่มขึ้นหลังจากนั้น โดยทองคำแท่งขึ้นทำจุดสูงสุดประจำปีประมาณ 9,000 บาท ในเดือน ธันวาคม

2551 – Barack Obama (D)

2551 – Barack Obama (D) | Source: Data from Tradingview (4)

ในปี 2551 นั้นนอกจากจะเป็นปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอีกครั้งหนึ่งเเล้ว ยังเป็นปีที่เกิดวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์อีกด้วย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ ราคาทองคำพุ่งขึ้นเหนือ 17,000 บาท ในเดือนมีนาคม เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ประกอบกับการที่ FED มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตซับไพร์ม แต่ในช่วงที่เกิดวิกฤตก็ได้มีการเเห่ขายเพื่อถือเงินสด จนทองคำปรับตัวลดลงไปเทรดที่ระดับประมาณ 12,000 บาท แต่เพียงไม่กี่วันหลังจากที่โอบามาชนะการเลือกตั้ง  ราคาทองคำแท่งฟื้นตัวตลอดช่วงที่เหลือของปี และปิดตัวลงในปี 2551 ที่ราคาประมาณ 15,000 บาท

2555 – Barack Obama (D)

2555 – Barack Obama (D) | Source: Data from Tradingview

ในปี 2555 ราคาทองคำเริ่มต้นในปีที่สูงกว่า 24,000 บาท และพุ่งสูงถึง 25,500 บาท ในเดือนกุมภาพันธ์ แต่ลงเอยด้วยการทำจุดต่ำสุดประจำปีที่ 23,000 บาท ในเดือนพฤษภาคม แม้ว่า FED จะยังคงอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ไว้ใกล้ศูนย์ก็ตาม ราคาทองคำฟื้นตัวก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 6 พฤศจิกายน เเละกลับมาซื้อขายที่เหนือ 25,000 บาท แต่หลังจากนั้น ราคาทองคำก็ย่อตัวลงในเดือนธันวาคม ก่อนจะปิดปีที่ 24,000 บาท

2559 – Donald Trump (R) | Source: Data from Tradingview

ในปี 2559 ราคาทองคำเปิดปีที่ราคาประมาณ 18,500 บาท เนื่องจาก FED ที่นำโดยเจเน็ต เยลเลน ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2558 ก่อนที่จะมีการปรับตัวขึ้นมาที่ระดับราคาประมาณ  22,500 บาท ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากธนาคารกลางยังคงอัตราดอกเบี้ยของรัฐบาลกลางไว้ในช่วง 0.25% ถึง 0.50% อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำลดลงต่ำกว่า 21,000 บาท ก่อนการเลือกตั้งในวันที่ 4 พฤศจิกายน เเละเมื่อโดนัลด์ทรัมป์เอาชนะการเลือกตั้ง ราคาทองคำก็ปรับตัวขึ้นซึ่งสวนทางกับตลาดหุ้นที่อยู่ในช่วงขาลง เเต่สุดท้ายทองคำก็โดนเเรงเทขายอย่างหนักหน่วง เเละปรับตัวลงปิดที่ 19,000 บาท

2563 – ???

หลังจากการล่มสลายลงของระบบการเงินแบบ Bretton Wood ปัจจัยพื้นฐานต่าง ๆ ที่มากระทบกับราคาทองคำก็ได้เปลี่ยนแปลงไป อาทิ การที่ประเทศจะพิมพ์เงินสกุลต่าง ๆ ออกมา ทุกวันนี้ไม่จำเป็นต้องมีทองคำหนุนหลังก็สามารถพิมพ์ได้เเล้ว เเต่ยังมีหลายต่อหลายคนคิดว่าจะพิมพ์เงินต้องมีทองอยู่

InterGOLD

หากมองกันแบบระยะยาวเเล้ว จะพบว่าทองคำก็มี Trend ของราคาที่ค่อนข้างชัดเจนคือขึ้นในระยะยาว อย่างในปีนี้ ทองคำก็ได้ทำลายจุดสูงสุดใหม่ไปเเล้วก่อนการเลือกตั้ง โดยขึ้นไปสูงกว่า 26,000 บาท เเละพบว่าการเลือกตั้งของสหรัฐฯ นั้น ไม่ได้ส่งผลต่อภาพระยะยาวของการขึ้นลงของราคาทองคำอย่างมีนัยยะสำคัญ

แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดในช่วงระยะหลังของราคาทองคำ ก็คือ ภาวะที่มีความผันผวนของราคาที่สูงขึ้น แปลง่าย ๆได้ว่า ทองคำนั้นเป็นขาขึ้นในระยะยาว แต่ในช่วงระหว่างขึ้นนั้นก็มีการปรับตัวลงแบบรุนเเรงประกอบกันไป

ดังนั้น จึงอาจสรุปได้ว่า การเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐฯ น่าจะเข้ามาสร้างความผันผวนในระยะสั้นเท่านั้น ดังนั้นถ้าเป็นนักลงทุนระยะยาว ก็อาจจะไม่ต้องสนใจนัก เเต่ถ้าเป็นนักเก็งกำไรระยะสั้น ความผันผวนคือสิ่งที่คุณต้องเจอเเละเตรียมพร้อมรับมือในอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อจากนี้

แหล่งที่มาข้อมูล : valuethemarkets.com และ dailyfx.com

เรื่องโดย: เทรดเดอร์ อินเตอร์โกลด์

Exit mobile version